Tuesday, July 31, 2007

หน้าไม่ให้แต่ใจรัก?

มาส่งการบ้านเพื่อนปุ๊ก หัวข้อแถ่ก "หน้าไม่ให้แต่ใจรัก" แล้วไอ้หน้าอย่างเรานี่มีอะไรที่ไม่เข้ากับบุคลิกบ้างล่ะเนี่ย มาดูกันค่ะ

เห็นหน้าหวาน ๆ อย่างเงียะ (เอ่อ ที่พูดนี่อายมั้ย? ฮา ๆๆๆ) จริง ๆ เห็นหน้าถึก ๆ เงียะ เซ้นซิทีฟมาก ๆ เลยล่ะ

เป็นคนขี้น้อยใจ ขี้ใจน้อย อะไรนิดหน่อยสะเทือนใจล่ะก็ เอ่อเลยค่ะ น้ำตาเอ่อเลย ดูละคร ดูหนัง หรือฟังเรื่องราวอะไรที่เศร้า ๆ เอาแล้วครับ ต้องเบือนหน้าหนี เพราะกลัวคนเห็นแล้วจะเสียเซล์ฟ เคยเห็นหมาถูกรถชนต่อหน้าต่อตา ระหว่างเดินไปทำธุระที่เขต เห็นแล้วสั่นมาก ไปทำธุระไม่รู้เรื่องเลย คุยกับเจ้าหน้าที่ก็เสียงสั่น เค้าคงคิดว่ายัยนี่ต้องญาติเสียแน่ ๆ พอเสร็จธุระ ก็รีบวิ่งกลับมาบ้าน เอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ จะไปพาเจ้าหมาไปโรงบาล ปรากฏว่า เจ้าหมาตัวนั้นไปแอบนอนตายข้างถนน คงเจ็บมาก เดินกลับบ้านมาร้องไห้หนักมาก น้องชายตกใจเดินมาถามใหญ่ พี่โอ๋เป็นอะไร ใครทำอะไร บอกมานะ ทั้งแม่ทั้งน้องตกใจ พอเล่าได้ ว่าเห็นหมาตายแต่ช่วยไม่ทัน โดนด่าเลย ทำให้เค้าตกใจ แง๊ว :(

เห็นตัวใหญ่ ๆ แบบเนียะ โค ตะ ระ ขี้กลัวเลยค่ะ

ที่ไม่ระบุในหัวข้อว่ากลัวอะไร เพราะกลัวหลายอย่างมาก กลัวผี กลัวความสูง กลัวสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิด กิ้งกือ ตะขาบ เห็นแล้วหงิกเลย กลัวมาก ๆ เลย พอมาอยู่เมกา ไม่ค่อยมีกิ้งกือให้เห็น ก็คิดว่าโอเค โชคดีแล้ว แต่อิอิ ไม่ได้มีบุญขนาดดดน้านค่ะ รู้จักตัวนี้กันมั้ยเอ่ย เซนเตพีซ ที่มีขาเป็นร้อย ๆ ขาอ่ะค่ะ (ไม่รู้ภาษาอังกฤษสะกดไงนะคะ) โหย เห็นนี่แทบแย่เลยนะ มีอยู่คืนนึง เข้าห้องน้ำข้างล่าง ตอนเที่ยงคืนกว่าแล้ว ก็ไม่คิดอะไร ยังไม่ทันสั่นเลย (เวลาบอกยังไม่สั่นนี่น่าจะเข้าใจ ถ้าอ่านบล็อกที่แล้ว ว่ากำลังทำอะไรอยู่ อิอิ) โหย เดินมาจากไหนไม่รู้อ่ะ ค่อย ๆ คลานมา โหย ขนหัวลุกเลย จิมก็หลับแล้ว จะปลุกให้มาจัดการก็กระไรอยู่ เราก็หงิกในห้องน้ำคนเดียวเนี่ยแหละ ที่ว่าหงิกนี่คือ มือไม้จะหงิก ๆ อ่ะ ค่ะ แบบมันขนลุกไปหมด ค่อย ๆ เอามือเอื้อมเปิดประตู แล้วก็ปีน ๆ ป่าย ๆ ออกจากห้องน้ำ (ที่ไม่เดินปกติ เพราะจินตนาการสูงมาก ว่าถ้าเดินออกไปดี ๆ มันจะวิ่งมาใส่ คือมันกลัวน่ะ) พอออกไปได้ ทำไงล่ะ วิ่งไปหยิบเครื่องดูดฝุ่นมา เสียบปลั๊กดูดเลย ก่อนดูดก็กล่าวคำขอโทษ ว่าไม่อยากฆ่าแต่ฉันกลัวเทอมากน่ะ พอจัดการเสร็จ กำลังจะเก็บ เหลือบไปเห็นตัวที่สอง โหย ๆ มันมาเป็นครอบครัวเลย ไม่เอาแล้ว ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ แล้วก็วิ่งขึ้นห้องไปเลย นึกแล้วยังขนลุก

เห็นหน้าตางี้ ไม่ชอบเด็กเอาซะเลยล่ะ

จริง ๆ ไม่ได้เกลียดเด็กหรืออะไรนะคะ แต่ว่า ไม่สามารถอยู่กับเด็กได้นาน จริง ๆ ก็ชอบเล่นกับเด็กนะ น่ารักดี แต่ได้ไม่นานน่ะค่ะ ถ้าแบบให้อยู่ด้วยเลย เหอ เหอ มะอาวอ่ะ ทนเด็กไม่ได้ สอนเด็กไม่เป็น ยิ่งเด็กดื้อ ๆ นะ โหย ไปไกล ๆ เลย มาอยู่ใกล้ ๆ จินตนาการอิฉันจะบรรเจิดมาก ว่าถ้าไม่หยุดดื้อฉันจะโบ้แกละนะ แต่ก็ไม่เคยทำหรอก มีแต่ตอนเด็ก ๆ เนี่ยแหละ เท่าที่จำได้ ว่าตอนเด็ก ๆ เราจะเกลียดเด็กมาก เคยแอบหยิกเด็กที่เดินสวนกัน แล้วเห็นเค้าร้องไห้ขี้มูกโป่งอ่ะ อาการโรคจิตเลยออก สวนปุ๊บ หยิกปั๊บ แล้วก็วิ่งหนีเลย (เอ่อ คือ เด็กประมาณไม่เกินป.6 นะคะ ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว เหะ เหะ)

หน้าเงียะน่ะนะ จะรักสวยรักงาม? เออ ก็หน้าเงียะน่ะแหละ

ไม่รู้ว่าเริ่มเมื่อไรเหมือนกันนะคะ รักสวยรักงามเนี่ย แต่จำได้ว่าของเล่นสมัยเด็ก ๆ ที่เล่นแล้วมีความสุขที่สุดก็คือ ได้ขโมยเครื่องสำอางน้าเล่น อู๊ย สุขมาก ๆ ชอบที่จะลองแต่ง เห็นคนนั้นคนนี้เค้าแต่งสวย ก็เอาละ น้ามีกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ใบนึง เราก็เล่นตอนเค้าไปทำงานเนี่ยแหละ ทาตา แก้ม รองพ้งรองพื้น แต่แต่งไม่เป็นหรอกค่ะ เสร็จแล้วก็ให้ทุเรศใจ เหมือนงิ้วน่ะ ความชอบความอยากมันมีมาตั้งแต่เด็กน่ะนะ แต่ก็ไม่ได้มีใครสอนว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้นะ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองตลอด แต่ก่อนขอเงินพ่อแม่ จะซื้ออะไรก็เก็บหอมรอมริบเอาล่ะค่ะ ซื้อแป้งพับ ซื้อลิปมัน ลิปสติก มาสคาร่า พอมีรายได้เป็นของตัวเอง เลยกระหน่ำเลย

เห็นหน้าเหี้ยม ๆ เงียะ ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ไม่ดูดนะคะ

เป็นคนที่ชอบสนุก ชอบหัวเราะเฮฮากะเพื่อน ๆ ไร้สาระไปวัน ๆ แต่จะไม่ชอบเที่ยวกลางคืน (ผับ เทค บาร์) ไรเงียะ เป็นคนชอบฟังเพลงมากนะคะ แต่ว่าไม่ชอบไปเที่ยวกลางคืนเพราะหนวกหู ทนกลิ่นควันบุหรี่ไม่ได้ เคยไปแล้วคนสูบกันเยอะ หายใจไม่ออกเลย
ไม่ดื่ม อันนี้คือไม่ดื่มจริง ๆ เคยลองนะคะ แต่ทำยังไงก็ไม่ชอบน่ะ มันขม ไม่อร่อย เคยคิดว่ามีเครื่องดื่มอยู่สองตัวที่ดื่มได้คือ คาลัวร์ กับเบย์ลี่ เหอ เหอ จิมซื้อมาไว้ที่บ้านขวดนึง ผสมให้ นั่งฉลองกันตอนปีใหม่ ตอนเค้าน์ดาวน์ แค่แก้วเดียวนั่นแหละค่ะ จิบมันไปเหอะ ไม่หมดซะที สรุป ไม่ถึงครึ่งแก้วเท่านั้นอ่ะ ไม่เอาแล้ว
ไม่ดูด ไม่กล้าลองอ่ะค่ะ กลัวว่าจะติด ไม่รู้พวกที่ติดบุหรี่ทั้งหลายนี่ จะเริ่มจากการลองแล้วติดใจรึเปล่า เลยกลัว เพื่อนสมัยสวนดุสิต เคยยื่นให้ลอง เราก็ลองแหละ แต่ไม่ดูดนะ เป่า เอามาคาบไว้แล้วเป่า ไอ้ขี้บุหรี่พร้อมไฟก็หล่นลงกระโปรงตัวงาม ไหม้ค่ะ เป็นที่เฮฮาของเพื่อน ๆ มาก

เห้อ กว่าจะเขียนเสร็จ นึกตั้งนาน ว่าตัวเรานี่มีอะไรบ้างน้า แต่สุดท้ายก็เสร็จแล้วนะจ๊ะปุ๊ก มาตรวจการบ้านด้วยละกัน แต่คงไม่ส่งต่อละ เพราะเค้าคงเล่นกันไปหมดแล้วล่ะเนอะ

Thursday, July 19, 2007

แล้วจะงอขาทำไมล่ะลูกเอ๊ย

เมื่อถึงกำหนดอัลตร้าซาวด์ดูเพศของคุณลูก (เมื่อวันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา) อิชั้นก็แอบตื่นเต้นพอสมควร เพราะจะได้รู้ซักทีว่า เบบี้เพศอะไร แต่ก่อนจะถึงวันนัด ก็เตือนตัวเองตลอดเลย ว่าห้ามทาโลชั่นที่ท้องนะ สองวัน ไอ้เรากลัวลืม เลยไม่ทาเลยทั้งอาทิตย์ ฮา ๆๆๆ (กลัวลืมจัด)

ตอนโทรไปนัดวันและเวลาทำอัลตร้าซาวด์ ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ให้ดื่มน้ำ 40 oz เริ่มต้นที่เวลา 4:00 สิ้นสุดที่ 4.20 (เวลานัดอัลตร้าซาวด์ตอน 5 โมง)ตอนนั้นก็แค่จด ๆ รายละเอียดไว้ (กลัวลืมอีกนั่นล่ะค่ะ)

แต่พอถึงวันนัดจริง ๆ ด้วยความที่เราเคยเป็นไตอักเสบมาก่อน ที่เข้าโรงบาลไปเมื่อตอนท้องช่วงสามเดือนแรก เลยทำให้อั้นฉี่ไม่ค่อยได้ แล้วคิดดูนะคะ ดื่มน้ำ 40 oz ภายในเวลายี่สิบนาที แล้วห้ามฉี่อีกเลยจนกว่าจะทำอัลตร้าซาวด์เสร็จ เราก็ค่อย ๆ จิบน้ำไปน่ะ กลัวว่าถ้าซัดโฮกไปทีเดียว จะยิ่งทำให้อยากเข้าห้องน้ำเข้าไปใหญ่ พอดื่มน้ำหมด จิมก็กลับมาถึงพอดี เลยบอกเค้าว่า ให้ออกไปกันเลยดีกว่า ไปถึงก่อนเวลาหน่อย กรอกเอกสารเสร็จเผื่อจะได้ซาวด์เลย

แต่สวรรค์ไม่ได้มีตาขนาดนั้นค่ะ เราสองคนไปถึงประมาณ 4:40 ก็กรอกเอกสารอะไรเสร็จ มานั่งรอ แต่คนที่มารอก่อนหน้าเราเนี่ย เกือบสิบคนแล้ว ณ ขณะนั้น กระเพาะปัสสาวะอิฉันเริ่มทำงานหนัก รู้สึกว่าเหมือนเขื่อนกำลังแตก กักน้ำไว้จะไม่อยู่อยู่แล้ว นั่งสั่นขา รอจนถึงห้าโมง ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเราจะได้เรียกซักที เลยกระซิบบอกจิม (ด้วยหน้าหงิกที่สุดในโลก) บอกเค้าว่า ไอดื่มน้ำมาสี่สิบเอ๊านซ์ ก่อนมาเนี่ย แล้วเค้าห้ามเข้าห้องน้ำเลย จนกว่าจะเสร็จ ไม่รู้ว่าจะได้เรียกเมื่อไร จิมก็ทำหน้าตกใจ เพราะเค้าไม่รู้ว่าเราต้องทำอย่างนั้นด้วย เลยเดินไปจ้ำจี้เจ้าหน้าที่ให้

จากนั้นประมาณอีกสิบนาทีถึงยี่สิบนาทีผ่านไป ก็มีเจ้าหน้าที่ผิวสี มาเรียกชื่อที่ ณ ขณะนั้น ฟังแล้วเพราะจับใจที่สุดในโลก แต่ว่าอิชั้นเขื่อนจะแตกแล้วอ่ะ กว่าจะลุกได้นี่ต้องมีพยุงเลยนะ จิมก็ถามว่าจะเอารถเข็นมั้ย เราก็บอกไม่เป็นไร ค่อย ๆ กระดื๊บเอาละกัน
ในระหว่างที่เดินไป ก็ถามเจ้าหน้าที่ว่า ชั้นจะต้องรอจนกว่าจะซาวด์เสร็จเลยเหรอ ถึงจะเข้าห้องน้ำได้เนี่ย ชั้นไม่ไหวแล้วนะ เค้าก็บอกว่า "the reason they need to measure the distance between the baby and the cervix" เราก็เอา ๆ เค้าเลยบอกให้ไปเปลี่ยนกาวน์ ก่อน แล้วไอจะทำการซาวด์คร่าว ๆ ทีแรก แล้วจะให้ยูไปเข้าห้องน้ำ แต่ห้ามปล่อยหมดนะ เราก็อ้าว คนมันปวดน่ะ จะให้ฉี่ครึ่งนึงแล้วอั้นที่เหลือยังไงฟระ แต่ก็เอาล่ะ พอเสร็จ แล้วเค้าก็ให้แก้วเรามาใบนึง ให้ฉี่แค่เต็มแก้ว (แก้วขนาดใส่โค้กขายอ่ะ) เราก็อู้ย สบาย แก้วบักเอ้ก พอเข้าห้องน้ำเท่านั้น นั่งปุ๊บ เอาแก้วรอง น้ำจากเขื่อนก็พุ่งออกมาจนแก้วหลุดจากมือ เท่านั้นอิชั้นก็คงไม่ฝ่าด่านไปคว้านเอาแก้วกลับมาถืออีกแล้วล่ะ ตามเรื่องตามราวเลยละกัน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยสุดถึงขนาดพอเสร็จแล้วสั่นหรอกนะ (นึกภาพออกเป่าคะ เวลาชิ้งฉ่องเสร็จ แล้วสุดจริง ๆ นี่จะสั่นนะ อิอิ) ก็อั้นที่เหลือไว้

พอเสร็จ ก็กลับไปนอนบนเตียงที่เดิม แล้วเจ้าหน้าที่ก็ทำการซาวด์ต่อ และชมว่า good job ประมาณว่ายังเหลือฉี่ไว้ให้เห็นเป็นขวัญตาว่างั้นเหอะ จากนั้นก็มาต่อกันที่อัลตร้าซาวด์
จากครั้งนั้น (ครั้งแรกที่ซาวด์ไป ก็ตอนอายุครรภ์แค่ 8 weeks/6 days) จนถึงวันนี้ (19 weeks/4 days) ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปมาก เป็นตัวเป็นตนแล้ว มีแขนขา มีทุกอย่างครบแล้ว ดูไปจิมก็จับมือเราไปด้วย ก็ยิ้มให้กัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า everything seem to be perfect ความยาวของเบบี้อยู่ที่ 14 cm การเต้นของหัวใจอยู่ที่ 140 hb/m ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์เพอร์เฟค

ระหว่างดูเราก็ถามอยู่ตลอดว่า how about the baby's thing? did you see yet? เจ้าหน้าที่ก็ขำ แล้วก็บอกว่า เค้างอขาตลอดเลย ไม่ยอมให้เห็น แต่ก็ยังพยายามจะดูต่อไป ทีนี้ เจ้าหน้าที่เลยขอพักแล้วไปจัดการเรื่องเอกสาร แล้วจะกลับมาซาวด์ให้อีกรอบ เราก็บอกดีเลย เด๋วเราจะขอคุยกับลูกเราหน่อย ว่าทำไมถึงแกล้งไม่ยอมให้เห็น เค้าก็หัวเราะอีก (ระหว่างรอเจ้าหน้าที่กลับมา ก็มาดูภาพอัลตร้าซาวด์ที่ได้มาละกันนะคะ)
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ได้มาสองภาพอ่ะค่ะ แต่เห็นภาพที่เหมือนกันเลย (จริง ๆ คงแค่คล้ายน่ะ ) ดูในรูป เหมือนเค้าเอามือเกาหัวเนอะ บางท่า ขณะที่ซาวด์นี่ เหมือนเค้ากำลังดูดนิ้วด้วยล่ะ (พี่สาวบอกว่า นี่ลูกแกจริง ๆ เลยนะเนี่ย เตรียมตัวกัดเล็บเหมือนแม่มันแล้ว)

พอเจ้าหน้าที่กลับมา ก็มาลองทำให้อีกรอบ ก็เหมือนเดิมค่ะ เค้าดิ้นไปมาตลอดเลย ทีแรกนอนแนวขวาง อีกทีหัวเบบี้ ไปอยู่ตำแหน่งหัวหน่าวของมามี้แล้ว เราก็โหย ลูกชั้น โชว์แด๊ดดี้มามี้ใหญ่เลยนะ แต่สุดท้ายแล้ว ยังไงก็ไม่เห็นว่าเบบี้เป็นเพศอะไรอ่ะค่ะ เพราะเค้างอขาตลอด ทั้ง ๆ ที่คุยกับเค้าแล้วนะ ก็ไม่ยอมให้เห็น เลยถอดใจกัน เจ้าหน้าที่ก็บอกไม่เป็นไรนะ ลุ้นเอา ตื่นเต้นดี เราก็เออ ออ แต่ว่าเซ็งกันทั้งพ่อแม่เลย

ทีนี้หมอนัดเดือนหน้า ก็จะถามคุณหมอล่ะว่า จะออเดอร์อัลตร้าซาวด์อีกมั้ย เห็นปู เพื่อนที่บอร์ดบอกว่าจะซาวด์อีกที ตอนช่วง 36 weeks ถ้างั้นก็ดี ป่านนั้น กระปู๋คงเป็นกระปู๋ กระปิ๋มก็คงเป็นกระปิ๋มละ แล้วยังไงมาลุ้นกันอีกทีนะค้า

Friday, July 13, 2007

with my baby's movement

ผ่านไปแล้วกับเรื่องคอนเสริตพี่จ้อน ก็ขอกลับมาหาเบบี้มั่งดีกว่า เพราะตอนนี้เริ่มเปิดเพลงให้เบบี้ฟังแล้ว หาอ่านจากหนังสือบ้าง จากเพื่อนแนะนำบ้าง และก็ที่เคยได้ยินมานานแล้วบ้างว่า เปิดเพลงแนวคลาสิคให้เบบี้ฟัง จะช่วยพัฒนาด้านสมอง ทำให้เด็กอารมณ์ดีและฉลาด เราก็เอ๊ะ แล้วจะเปิดเพลงให้เค้าฟังยังไงล่ะ แค่เปิดฟังก่อนนอนแค่นั้น หรือว่าเปิดเมื่ออยาก แล้วต้องเอาสปีคเกอร์มาใกล้ท้องรึเปล่า

ทีนี้เลยเริ่มมาหาเพิ่มขึ้น ก็เริ่มจากใกล้ตัวก่อน เพื่อนนี่เอง ก็ถามเพื่อน ๆ ที่มีลูกแล้ว หรือกำลังตั้งท้อง ว่าเปิดเพลงให้เบบี้ฟังบ้างมั้ย และทำยังไง บางคนบอกก็ฟังจากไอพอดเนี่ยแหละ ยัดหูฟังใส่กกน. ไปเลย ฮา ๆๆๆ เราฟังแล้วก็ขำ แต่ก็เป็นแนวทางที่น่าสน (สำหรับใช้คนเดียวหรือใช้ไอพอดร่วมกับสามี)

ทีนี้เรามาคุยกับจิม ว่าเค้ามีพวกอุปกรณ์หรือสปีคเกอร์ที่ใช้เปิดเพลงให้เบบี้ฟังสำหรับคนท้องมั้ย เค้าก็บอกมี เค้าจำได้ตอนไปที่นี่ ซื้อเสื้อผ้าสำหรับคนท้อง เค้าเห็นมีขายอยู่ เราก็คลิกเข้าไปดูว่าเป็นยังไง ราคาเท่าไร ปรากฏว่าราคาตั้ง $49 แน่ะ เราก็เอาไงดีฟระ เลยก๊อปปี้ชื่อมาเสริชหาในอีเบย์ ปรากฏว่ามีน้อยมาก ๆ และราคาก็ไม่ได้ถูกเลยสำหรับมือสอง เราก็เอาไงดีหว่า ยังอยากได้อยู่ เลยลองใส่ชื่อในกูเกิล ตัวแทนขายโผล่มาอื้อเลย เราเลยค่อย ๆ คลิกเข้าไปดู ทำให้เห็นว่า มีให้เลือกสองยี่ห้อ และสองแบบ คือแบบนึง มีหูฟังอันเดียว และอีกแบบมีหูฟังสองอัน

หาไปมา เลยไปเจอที่นี่ ด้วยราคาที่ถูกกว่าราคาทั่วไปถึง $10 แน่ะ คนงกอย่างอิชั้น มีหรือจะไม่สน เลยรีบปรี่กันไปซื้อกับจิมทันที ไปถึงก็เดินหา ๆ ในที่สุดก็ได้เจ้าตัวนี้มา ในราคา $39
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
ตอนที่เราเสริชหาข้อมูล มีรีวิวใต้ผลิตภัณฑ์ด้วย เราก็เลยอ่าน ปรากฏว่า 9 ใน 10 บอกว่า worthless จิมเลยบอก งั้นไม่ต้องซื้อ แต่ว่าข้อมูลที่คนเข้ามารีวิวบอกว่าแย่ เค้าหมายถึงตัว Heart Listener เราก็อ้าว มันไม่ใช่เป้าหมายเรานี่นา เราอยากเปิดเพลงให้ลูกเราฟัง อยากพูดคุยกับเค้า ก็เลยไม่สนใจ เพราะต่อให้ใช้เสร็จ ยังไงเราก็ยังปล่อยขายในอีเบย์ได้อยู่ดี

ทีนี้มาดูกันค่ะ ว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีอะไรบ้าง จะคุ้มค่าคุ้มราคามั้ย
- Prenatal heart listener (ไม่ได้ถ่ายภาพแยกมานะคะ แต่ถ้าดูจากในรูป จะเป็นตัวที่คุณพ่อเอาวางทาบบนท้องคุณแม่นั่นแหละค่ะ
-Two Headsets (ก็ในภาพที่คุณพ่อคุณแม่ใส่หูฟัง สีขาว ๆ น่ะค่ะ)
-Fetal Speakers (กลม ๆ มีสีดำตรงกลางอ่ะค่ะ)
-Fetal Microphone
-Belt (นี้ใช้พันหน้าท้อง เวลาจะเอา Fetal Speakers วางตรงตำแหน่งที่เบบี้อยู่)
-Adapter, Recording Cable
-Classical Music CDs

จากนั้นก็อ่านรายละเอียดการใช้งานทั้งหมดเลย ทำให้เข้าใจว่า การจะเปิดเพลงให้เบบี้ฟัง ไม่ใช่นึกจะเปิดตอนไหน เวลาไหนก็ได้ แต่ที่ทางคู่มือแนะนำมาคือ ให้เปิดเพลงให้เบบี้ฟัง ครั้งละไม่เกิน 10 นาที สองครั้ง เวลาเช้าและก่อนนอน และเปิดเวลาไหนครั้งแรก ควรจะเปิดเวลานั้นไปตลอด และควรที่จะเปลี่ยนเพลงไปเรื่อย ๆ ไม่ควรใช้เพลงเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ในการเปิดในแต่ละครั้ง เพราะถ้าเราทำผิดวิธี จากที่จะทำให้เบบี้เพลิดเพลินไปกับเพลงที่เปิด กลับกลายเป็นการรบกวนเบบี้ รวมทั้งทำให้เบบี้เครียดไปเสียอีก
ทางคู่มือยังบอกอีกว่า เริ่มเปิดเพลงให้เบบี้ ตั้งแต่อายุครรภ์ที่ห้าเดือนเป็นต้นไป แต่ก็ไม่มีข้อห้ามว่าห้ามเปิดก่อน เบบี้เราอายุยังไม่ถึงห้าเดือนดี แต่เราก็อยากเริ่มให้เค้าฟังน่ะนะ เลยเริ่มเปิดตั้งแต่คืนแรกที่ได้มาเลย

มาถึงประสบการณ์ครั้งแรก ขอย้อนกลับไปก่อนนิดนึงว่า ปกติเนี่ยเราไม่เคยรู้สึกว่าเบบี้คิก หรือขยับตัวเลย ไม่ใช่เราไม่สังเกตุ แต่เป็นเพราะไม่รู้สึกจริง ๆ แต่วันนั้น (วันพุธที่ผ่านมา) เราเปิดเพลงให้เบบี้ฟังครั้งแรก ขั้นตอนคือเอาเข็มขัดผ้ายางยืดที่ได้มาคาด แล้วก็เอาหูฟังแปะไปสองตำแหน่งบนหน้าท้อง เราเสียบหูฟังสำหรับเราด้วย จะได้รู้ว่า เราเปิดเพลงดังเกินไปรึเปล่า (เกือบลืม การเปิดเพลงใฟ้เบบี้ฟัง ควรจะเปิดให้ดังกว่าปกตินิดหน่อยเท่านั้น อย่ามากเกินไป เพราะถ้าเรายังรู้สึกว่าดังมากเกินไป เบบี้ก็จะรู้สึกเช่นเดียวกัน)
แล้วเราก็นอนราบฟังเพลง รู้สึกผ่อนคลายมาก เวลาผ่านไปยังไม่ถึง 5 นาที สัมผัสแรกของเบบี้คิกก็เกิดขึ้น เราตกใจมาก เพราะอย่างที่บอกว่าไม่เคยรู้สึกมาก่อน ก็รู้สึกตื่นเต้น และครั้งที่สอง สาม สี่....... ไปเรื่อย ๆ จนนับไม่ถ้วน ก็ตามมาเรื่อย ๆ

จิมเพิ่งขึ้นห้องมา เราก็บอกว่า I felt baby kicking แล้วก็นับไปด้วย เค้าก็ขำ แต่เราก็ไม่ได้ร้องไห้นะ แค่รู้สึกว่าดีใจที่ได้รู้สึกว่ามีอีกชีวิตอยู่ในท้องของตัวเอง

พอครบสิบนาที เราก็เปลี่ยนมาเป็นใช้ Fetal Microphone คุยกับเบบี้บ้าง ครั้งแรกบอกตรง ๆ ว่าอาย ไม่รู้จะพูดยังไง เขิน ๆ ก็พูดเป็นภาษาไทย บอกรักเค้า บอกว่าตื่นเต้นที่มีเค้ามาอยู่ และก็จะเปิดเพลงและคุยกับเค้าทุกวัน พอเราพูดเสร็จ ก็เปลี่ยนให้จิมพูดบ้าง เค้าก็เอามือลูบท้องเรา และก็พูดไปด้วย แต่จิมจะเขินมาก ไม่กล้าพูด ก็รู้ล่ะ ว่าเค้ารู้สึกสติวปิดอ่ะ เราเลยพูดให้จิมพูดตาม เพราะจิมพูดแค่ Hi, Hello แค่นั้น แล้วก็เงียบ เราเลยพากย์ไปข้าง ๆ ว่า Hi, little one. We can't wait to see you, we love you ................ จบ คิดอะไรไม่ออกแล้ว เลยหยุดแค่นั้น แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขิน ๆ พอวันถัด ๆ มาก็รู้สึกว่าดีขึ้น

วันนี้ออกวิชาการเล็ก ๆ นะคะ เอาประสบการณ์ตัวเองมาแชร์ บางคนอ่านอาจจะรู้สึกว่าไร้สาระ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อก็ได้ ใช้แค่อุปกรณ์ที่มีอยู่ แล้วเปิดเพลงให้ฟังก็น่าจะพอ ก็แล้วแต่ความชอบความเชื่อของแต่ละคนน่ะนะ อย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นว่า เราคิดว่าเราลงทุนแค่นี้ แต่ประโยชน์ที่ได้กลับมาถ้ามันประเมินค่าไม่ได้ เราถือว่าคุ้มสุดแล้วล่ะ

ปล. ก่อนจบนิดนึง เผื่อมีว่าที่คุณแม่อยากซื้อบ้าง ที่วอลล์มาร์ทก็มีขายนะคะ แต่ต้องสั่งออนไลน์เท่านั้น แต่ที่วอลล์มาร์ทจะมีขายแบบ single headset ราคาถูกกว่าอีก $10 ก็เท่ากับ $29 เท่านั้น ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องใช้หูฟังสลับเปลี่ยนไปกับว่าที่คุณพ่อ ก็ถือว่าคุ้มมากเลย และถ้าไม่อยากเสียค่าชิปปิ้ง ก็ใช้วิธีออเดอร์ให้ทาง Manufacturer มาส่งที่วอลล์มาร์ทสาขาใกล้บ้านน่ะค่ะ แต่ใช้เวลาหลายวันหน่อย แต่ไม่เสียค่าส่งนะ

Monday, July 02, 2007

ไปมันกันกับจอห์น เมเยอร์คอนเสริต

ไม่ได้อัพบล็อกเล้ยยยยยยย (ถ้าอยากรู้ว่าทำไม ต้องลองมาท้องดูนะคะ แล้วจะรู้ว่าขี้เกียจขนาดหนาย อิอิ) แต่ว่า วันนี้ต้องอัพหน่อย เพราะไปดูคอนเสริตที่ร้ากกกมา จะใครเสียอีกล่ะ ก็ John Mayer ผู้น่ารักนั่นเอง

จริง ๆ ไม่ได้ชอบหรือคลั่งไคล้มากขนาดที่บ้าพี่เบคนะ แต่ว่าก็ชอบน่ะ ทั้งน่ารัก เท่ห์ เพลงฟังสบาย ๆ พอดีฟังวิทยุระหว่างขับรถ และทำงานทุกวัน ก็เห็นว่า พี่จ้อน (จอห์นนั่นแหละ) จะมาเล่นคอนเสริตที่ Blossom Music Center เลยบอกจิมว่า ไออยากไปดูอ่ะ ยูอยากไปมั้ย เค้าก็ตามใจ ก็เลยจองผ่าน http://www.ticketmaster.com/ ตอนทีที่จองเนี่ย ก่อนวันคอนเสริตแสดงไม่กี่วันเอง ยังแอบคิดว่า จะมีที่เหลือเร้อ เห็นมีอยู่สามราคา ถูกสุดจะนั่ง ๆ นอน ๆ ดูที่ lawn แต่เราเลือกที่แพงสุด เพราะมันก็ไม่ได้แพงอะไรมาก ได้ที่นั่งแบบไม่ถือว่าแบ๊ดเลย ณ ขณะที่จองเวลานั้น เราได้ที่ห่างจากสเตจประมาณ ยี่สิบก้าว (ถ้าวิ่งจากที่นั่งเราไปถึงหน้าสเตจ) คาดเดาโดยประมาณ แล้วได้ตรงกลางด้วย ถือว่าโอเคเลย

คอนเสริตเริ่มตอนทุ่มนึง เรากับจิมไปถึงตอนทุ่มนิด ๆ พอเข้าไปนั่ง ก็มีวงเปิดวงแรกเล่นอยู่ก่อนแล้ว ไม่รู้ชื่อวงอะไร (ไม่มีอะไรให้น่าจำ) เล่นได้เฉย ๆ มาก แต่พอวงที่สอง ก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี ชื่อวง ben fold มีกันอยู่แค่สามคน มือกลอง กีตาร์ และเปียโน (vocal) ถือเป็นวงที่เล่นสดได้ดีใช้ได้ทีเดียว เอนเตอร์เทนคนฟังได้ดีด้วย คนก็สนุกไปกับพวกเค้า นี่ยังว่าจะลองเสริชในยูทู้บดูว่ามีเพลงของพวกเค้าบ้างมั้ย อยากดูว่า เพลงเค้าจะแตกต่างจากเล่นสดแค่ไหน ช่วงใกล้ ๆ จบของวง ปรากฏว่า ทำเอาเรากรี๊ดลูกแทบช็อค เพราะอยู่ ๆ พี่จ้อนก็เดินออกมาแจมกับ เบน โฟลด์ แต่ดันดูดบุหรี่ด้วยนี่น่ะสิ ขัดใจเล็ก ๆ แต่ก็ยังกรี๊ดอยู่ น่ารักมาก ๆ จิมขำจะแย่ ไม่เคยเห็นคุณมะเอียเป็นแบบนี้ พอแจมจบเพลงก็กลับไปหลังสเตจ และปล่อยเจ้าหน้าที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบเวที พร้อมทั้งเครื่องดนตรีต่าง ๆ

สามทุ่มกว่า ๆ อยู่ ๆ ก็ปวดชิ้งฉ่อง บอกจิม "ฮันนี่ ๆ ยูคิดว่าพี่จ้อนจะออกมาเร็ว ๆ นี้มั้ยอ่ะ ไอกลัวว่า ถ้าเกิดพี่แกออกมาช่วงนี้ แล้วไอปวดฉี่อยู่ ไอต้องอั้น หรือไม่ก็กรี๊ดจนฉี่แตกแน่ ๆ เลย จิมเลยบอกว่า น่าจะยังหรอกมั้ง แต่ถ้ายูจะไป เด๋วไอไปเป็นเพื่อน" ก็ตกลงไปกันสองคน เดินชมนก ชมฝรั่งข้างทาง กระหนุงกระหนิง เดินยังไม่ถึงห้องน้ำเลย เสียงกรี๊ดกระหึ่ม เราก็หืม ตรู เซ็งเลย แต่ก็ไม่เป็นไร เด๋วก็กลับไปดูต่อได้

พอเสร็จ คุณสามีบ่นหิว เลยซื้อ เพรทเซลไปหนึ่งชิ้นใหญ่ และก็เบียร์อีกหนึ่งกระแป๋ง แล้วก็รีบ ๆ เดินดุ๊ด ๆ เข้าไปในฮอลต่อ พอถึงที่เท่านั้น อิชั้นก็กรี๊ดอีก (กรี๊ดไม่กลัวมดลูกแตกเลยนะ) ตอนนั้นคนก็ยืนกันทั้งฮอล อ้อ ลืมเล่าไปนิดนึง ก่อนหน้าที่พี่จ้อนจะมา เราสองคนเอนจอยคอนเสริตมาก โต๊ะที่นั่งแถวหน้ายังว่างอยู่ ก็ไม่มีอะไร พอพี่จ้อนมา เจ้าของที่ก็มา เป็นคู่ชะนีสองตน กับตัวผู้อีกสอง มาเป็นคัพเปิ้ว (couple) นั่นแหละ แต่ดูแล้วก็วัยเพิ่งเริ่มทำงาน เราก็ไม่ได้อะไร แต่ ณ ตอนที่พวกเค้ามานี่ คนเริ่มทยอยนั่งกันแล้ว รวมทั้งเราด้วย พอเด (they) มาถึง ก็ยืนไม่สนใจคนข้างหลังเลย (จริง ๆ เราเข้าใจว่าคอนเสริต มาก็ต้องสนุก ส่วนใหญ่จะอลุ่มอล่วยกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่แล้ว น้อง ๆ ที่นั่งด้านข้าง จริง ๆ เค้านั่งที่เราด้วย เพราะหนึ่งในกลุ่มเค้าจองทีหลัง เลยต้องนั่งถัดจากเราไป เค้าเลยถามว่า ยูมายด์มั้ย ถ้าเค้าจะขอให้เพื่อนมานั่งติดกับเค้า เราก็ไม่มายด์เลย เราเข้าใจน่ะ เค้าก็ขอบคุณใหญ่)

ทีนี้ พอเค้ายืน เราก็ต้องยืนด้วย เพราะมองไม่เห็นไง แต่เด มาแบบไม่สนใจใครจริง ๆ น่ะ มาถึงก็ยืนแอ๊คท่าถ่ายรูป ดื่มเบียร์ กอดจูบดูดด๊วบกันเป็นนานสองนาน (เรายังคิด ดีนะที่ไม่ได้เอาคิมมา ไม่งั้นคงได้ให้ปิดตากันแน่) เราก็ยังไม่ได้อะไร ก็พยายามดูคอนเสริตให้สนุก ผ่านไปได้อีกสองเพลงมั้ง เค้าถึงได้นั่ง นั่งกันแป๊บนึง ชะนีสองตนก็ออกไปซื้อเบียร์เพิ่ม (เข้าใจว่างั้น) เราก็ได้เอนจอยคอนเสริตต่ออย่างสนุก พอผ่านไปได้อีกประมาณสองเพลงมั้ง พวกชะนีสองตนก็เดินกลับมาพร้อมเบียร์ มาถึงก็ดึงมือตัวผู้ขึ้นให้ยืนด้วยกัน และก็กอดรัดฟัดเหวี่ยง สวีทหวานกันอีกรอบ เราก็เอ๊ะ อินี่ (ขอโต้ดนะก๊ะ อารมณ์มันขึ้นน่ะ) เพลงก็เพลงช้า เมริงจะยืนหาอะไรมิทราบคะ เราก็เริ่มเซ็งแล้วไง จิมก็เซ็งไปด้วย ทำไมไม่สนใจคนอื่นเลย คือไม่ใช่มีแค่คู่เราที่นั่งไง คนข้างหลังก็นั่งกัน เราก็อืม เริ่มไม่สนุก แต่ก็จะเอาไงดีฟระ ไม่อยากมีเรื่องเลย แต่พอใกล้จบเพลงนั้น (gravity) เราก็สะกิด ตัวผู้และกระซิบบอกอย่างสุภาพว่า ช่วยนั่งลงหน่อยได้มั้ย เราอยากเอนจอย คอนเสริตด้วยน่ะ คือใช้ประโยคสุภาพนะ ขอร้องน่ะ เค้าก็ให้รีพีทว่าพูดอะไร เราเลยพูดอีกรอบ นังชะนีหันมาบอก "stand up" อ้าว อินี่ ขอร้องดี ๆ นะ เราก็เลยบอกว่า โอเค F....k You แล้วเราก็นั่งลง มันหันหน้ากลับมาถามว่า what did you said? เราเลยรีพีทแถมไปอีกรอบ ว่า F....k You แล้วก็ยื่นดับเบิ้ลนกเขาให้ มันก็จ้องเสร็จแล้วก็หันไปบอกตัวผู้ของชีว่าเราคงอย่างนั้นอย่างนี้ จากนั้น มันก็แกล้งด้วยการยืนไม่ยอมนั่งและเอนจอยคอนเสริตแบบเฟค ๆ สักพัก แถมยังดึงเพื่อนที่มาด้วยกันให้ยืน และกระซิบบอกว่าเราว่ามันไปแบบนั้นแบบนี้

ไอ้เราก็คิดว่า คุณสามีจะห้ามเรา แต่เค้าก็คงทนคนแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน เค้าเลยเอาหมากฝรั่งที่เคี้ยวอยู่ในปาก วางบนที่นั่งของนังชะนีตนนั้น แต่มันก็ยังไม่นั่งนะ จนเราก็ไม่อยากดูต่อแล้วไง กะว่าซื้อตั๋วแพงสุด คงจะไม่เจอพวกแนสตี้ แต่ก็มาเจอ จิมกระซิบบอก โนว จะรอดูให้นังชะนีนั่งก่อน พอมันนั่งแล้วเราค่อยไป ฮา ๆๆๆๆ เป็นไงคะ สามีชั้น ยิ่งกว่ามะเอียอีก แต่จนแล้วจนรอด พวกเด ก็ไม่นั่ง เพลงจบไปได้เพลงกว่า ๆ พวกมันก็เดินออกไป ไม่รู้ว่าไปซื้อเบียร์ต่อหรือกลับเลยนะ แต่เราไม่สนใจ ก็นั่งฟังเพลงอีกพักนึง ถึงจะไม่ค่อยสนุกแล้วเท่าไร แต่ด้วยความน่ารักของพี่จ้อนก็ทำให้เรากลังมาเบิกบานได้อีก จนกระทั่งสี่ทุ่มครึ่ง เราเห็นว่าดึกมากแล้ว และพี่จ้อนก็เริ่มแนะนำสมาชิกในวงแบ็กอัพแล้ว เลยชวนจิมกลับ เพราะถ้ารอจนคอนเสริตจบ คงไม่ได้กลับแน่ ๆ คนเยอะมาก ๆ เลย

นี่ยังคิดอยู่เลย ว่าถ้ามีเรื่องนี่จะทำไง แต่ในใจก็แอบเตรียมพร้อมเหมือนกัน เพราะถ้านังจะชีง้างมือมา อิชั้นจะจรเข้ฟาดเลย ด้วยระดับที่เรายืน จะสูงกว่ามันจี๊ดนึง แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีอะไร เพราะจิมบอกว่า ไอรู้ว่ายูอยากจะขย้ำหัวนังนั่นใจจะขาด แต่ว่า มีเรื่องที่นี่ จะมีปัญหาใหญ่เลย เราก็คงไม่หรอก ไหนจะเบบี้อีก ชั้นแค่ไม่ยอมใครแค่นั้น แต่ไม่ได้ระรานใครนะ

เรื่องคอนเสริตพี่จ้อนเลยจบไปด้วยประการะชะนี้ ตอนนี้อยากดูคอนเสริตใหญ่ ๆ บ้าง ฝันว่าอยากจะได้ดู Yanni ซักครั้ง แต่ไม่รู้จะมาที่นี่เมื่อไร เรากับสามีชอบคอนเสริตเค้ามาก ๆ แต่ตอนนี้แค่คุยคร่าว ๆ ว่า ไว้บอง โจวี่มา จะไปดู อิอิ

ไอ้อ๋วน (อึดอัด)

ไอ้อ๋วน (อึดอัด)

กาก้า (ชูก้าร์)

กาก้า (ชูก้าร์)

น้องเน่ (เนเน่ หรืออีกนิคเนม คืออิแรด)

น้องเน่ (เนเน่ หรืออีกนิคเนม คืออิแรด)

น้องโง (โงกุล)

น้องโง (โงกุล)

ไอ้ส้วม (ส้มหล่น)

ไอ้ส้วม (ส้มหล่น)

หมูม่อน

หมูม่อน

ขอให้รักเรานั้นนิรันดร (เสี่ยวไปมั้ย?)

ขอให้รักเรานั้นนิรันดร (เสี่ยวไปมั้ย?)

About Me

สาวไทยจำใจจากจรเมืองฟ้าอมรมาอยู่บ้านดอนโอไฮโอ