Saturday, April 14, 2007

ครั้งหนึ่งกับสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัส

ทำไมวันนี้เรามีอาการแปลก ๆ นา.......

เป็นคำพูดที่บ่นกับตัวเองและพูดกับสามีว่า ทำไมเรามีอาการแปลก ๆ มึน ๆ หัวยังไงบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร.....

ปกติตัวเองเป็นคนไม่เคยจด หรือจำวันที่ประจำเดือนมา หรือหมดเลย ไม่เคยใส่ใจจำ เป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...
แต่คราวนี้ มันมีอาการอื่นปนด้วย จนทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย

- เอ๊ะ หรือเป็นเพราะช่วงนี้เราทานเผ็ดเยอะนา (เคยเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ก็จะมีอาการมึนหัว ปวดท้องคล้าย ๆ แบบนี้) แต่ว่าเรายังมีอาการอื่นอีก

- อาการที่ว่าก็พวกปวดขา ปวดมาก เจ็บหน้าอก (บวกกับใหญ่ขึ้น เหมือนทุกครั้ง) จะต่างจากทุกครั้งตรงที่เจ็บแม้กระทั่งหัวนม คืออาการทุกอย่างจะคล้ายกับอาการเตือนก่อนมีประจำเดือน แต่ก็เอ๊ะ ทำไมไม่มาซะที ไอ้เราก็จำไม่ได้ว่าคราวที่มาล่าสุดมันเมื่อไร แต่คุ้นว่าจะเกินเดือนแล้วนะ แต่ไม่ชัวร์ จนกระทั่ง

วันที่สองของอาการที่ว่ามาทั้งหมด บวกเพิ่มอาการมึนหัว ปนกับจะอาเจียรบ่อย ๆ เลยทำให้ตัดสินใจว่า วันนี้เราจะต้องไปซื้อ Pregnancy test มาซะที ทนกับความรู้สึกนี้ไม่ได้แล้ว (รู้สึกกลัวและกังวลว่าจะท้อง)
จากนั้น ก็ออกไป Grocery shopping และก็ซื้อเทสเตอร์มาด้วย กลับมาก็ไหว้พระก่อนตรวจ ว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย แล้วเราก็เข้าห้องน้ำไปทำการตรวจ (ที่ตรวจของเราจะเป็นแบบเก่า ที่ถ้า positive จะมีขีดขึ้นมาสองขีด สีแดง จากปกติถ้า negative ก็จะโชว์แค่ขีดเดียว)

เราเคยทำการตรวจเองแบบนี้มาก่อน ตอนที่บ้า ๆ คิดว่าท้อง...... ครั้งนี้ เราก็ทำเหมือนทุกครั้ง บังคับฉี่ตัวเองให้ตรงกับแท่งเทสต์ แล้วเราก็เอาวางทิ้งไว้แป๊บนึง ชะโงกดู...หึ้ย ขึ้นขีดเดียว เห้อ...โล่งอก แต่ก็ยังนั่งต่ออีกแป๊บนึง แล้วก็ทำความสะอาดตัวเอง กำลังจะลุกพลันหันไปดูผลอีกที เข่าแทบทรุดเลย เพราะขีดที่สองค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา..... ตอนนั้นร้องไห้เลย ตกใจ ไม่รู้จะทำยังไง ความรู้สึกสุมเข้ามาหมดเลย กลัวไปหมดว่าจะผ่านช่วงพีคไปได้มั้ย แล้วเด็กจะเกิดมาครบ 32 รึเปล่า แล้วเราจะเป็นแม่ที่ดีได้มั้ย โอ๊ย ร้อยแปด ป๊อบอัพมา คือเราแต่งงานมาปีครึ่ง จริง ๆ ก็น่าจะเป็นเวลาที่ค่อนข้างเหมาะสม ที่จะมีลูก แต่สำหรับคนที่รู้จักเราจริง ๆ จะรู้ว่าเราไม่เคยมีความคิดอยากมีลูกเลย จะว่าเป็นคนเนกาทีฟก็ได้ กลัวโน่นกลัวนี่ สภาพจิตใจไม่พร้อมจริง ๆ ถึงให้เวลาตัวเองและสามี 5 ปี (ผ่านมาปีครึ่ง ก็เหลือเวลาอีกสามปีครึ่ง) ที่จะให้เวลาตัวเองตัดสินใจในการมีลูก จนกระทั่งวันนี้เค้ามาแล้ว เราจะทำยังไง บอกตรง ๆ ว่ามีความคิดเรื่อง abortion แวบเข้ามาเรื่อย ๆ เลย แต่เราก็สับสนมาก

คนที่เข้ามาอ่านบล็อกเราครั้งนี้ ที่ไม่ชอบเราอยู่แล้ว อาจจะไม่ชอบเรามากขึ้น เพราะความคิดแปลก ๆ ของเรา แต่เราไม่ซีเรียสนะ เพราะถ้าไม่มาเป็นเรา คงไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้...

ตอนนี้ ความคิดไม่ดี ค่อย ๆ ปรับไปในทางที่ดีขึ้น คนแรกที่ต้องขอบคุณ คงหนีไม่พ้นสามี ไม่คิดว่าเค้าจะแฮนเดิลเราและสถานการณ์ได้ดีขนาดนี้ เค้ารู้เพราะเราโทรไปหาเค้าหลังจากที่รู้ผล เค้าตกใจที่เราร้องไห้แล้วพูดจาเหมือนคนสับสนมาก ๆ ตอนแรกเค้าคงตกใจกับผล เพราะเค้าก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกัน แต่แล้วเค้าก็ปลอบเรา ยืนเคียงข้างเรา ให้กำลังใจเราอย่างดีมาก ๆ เค้าเชื่อมั่นในตัวเรามาก อยากให้เราเอ็นจอยการท้องในครั้งนี้ อยากให้เรามีความสุขที่สุด ในการท้องครั้งนี้ คอยพูดคุย คอยเอาใจใส่ กอด หอม etc มากมายจนบรรยายไม่หมด ซึ่งก็ทำให้เราเชื่อมั่นมากขึ้น ถึงแม้จะมีความคิดแปลก ๆ หรือความกลัวแวบเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ตาม
ต่อมาที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็เป็นเพื่อน ๆ ในอังเคิลแซมนั่นเอง คนแรกก็ปูกิ๊ ปูเป็นคนแรกที่รู้ว่าเราท้อง เพราะเราคุยกับปูตลอด ปรึกษาโน่นนี่ จนกระทั่งเป็นคนแรกที่ Congrat!! เรา ปูให้กำลังใจ คำแนะนำ กับเราเยอะแยะ มากมาย แม้กระทั่งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องประกันเกี่ยวกับคนท้อง ซึ่งเราซาบซึ้งมากมาย คงบอกเป็นคำพูดไม่หมดนะ ขอบใจมาก ๆ เพื่อน
คนที่สองในกลุ่มนี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพี่ปุ้ย ตัวเรายังไม่ได้คุยกับพี่ปุ้ยโดยตรงเลย ตั้งกะรู้ตัวว่าท้อง แต่เพียงแค่พี่ปุ้ย รู้ว่าเราท้องแล้วเครียดเรื่องไม่มีประกัน พี่ปุ้ยก็สายตรงมา Congrat! รวมทั้ง แนะนำพร้อมทั้งอธิบายเรื่องประกันต่าง ๆ มากมาย ขอบคุณมาก ๆ นะคะพี่
จากนั้นก็จะเป็นหนุงหนิง, วิ, ปุ๊ก, อ้อม และแนต ที่โทรมา Congrat!! และให้กำลังใจ (อ้อมกับแนตถึงแม้จะไม่ได้คุยเป็นเรื่องเป็นราว เพราะโทรมาตอนเราหลับ เหะ เหะ แต่ก็ขอบคุณด้วยใจนะจ๊ะ) ซาบซึ้งมาก ๆ จ้ะ
สำหรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ คนอื่น พอทราบก็แสดงความยินดีผ่านบอร์ดกันถ้วนหน้า ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้นะคะ

สำหรับตัวเราเอง ตอนนี้ก็คงเป็นหน้าที่ที่เราต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อที่จะผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ และก็ดูแลเจ้าตัวเล็กที่มาอยู่ในท้องเรา ให้มีสุขภาพกาย และใจแข็งแรงสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเป็นหญิงหรือชายสำหรับเราไม่สำคัญแล้ว ขอให้ครบ 32 ก็พอ......

คำพูดนึงที่กระตุ้นความรู้สึกเรา เป็นคำพูดจากแม่ของเราเอง หลังจากที่แม่รู้จากน้องชายเรา ว่าเราท้อง น้องชายบอกแม่ด้วยว่าพี่โอ๋กลัว แล้วเครียด แม่ก็บอกว่า จะกลัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว แม่อุ้มท้องพวกเรามา 3 คน เลี้ยงพวกเรามาจนโต 4 คน จนเป็นคนดีได้ทุกวันนี้ แม่ยังผ่านมาได้เลย... จริง ๆ เป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดาสำหรับใครบางคน แต่สำหรับเรา คำพูดแม่คาล์มเราลงเยอะเลย....ขอบคุณนะคะแม่...แม่ยังบอกต่อว่า ถ้าคลอดแล้วไม่เลี้ยง ส่งมานี่ เด๋วแม่เลี้ยงเอง จากเครียด ๆ อยู่ เรายังขำเลย ว่าแม่เลี้ยงหมาเรา 5-6 ตัวยังไม่พอเหรอจ๊ะ จะมาเลี้ยงลูกโอ๋อีก น่ารักจริง ๆ เลยแม่เรา

แล้วจะพยายามมาอัพเดตเรื่อย ๆ นะคะ ถ้าไม่แพ้มากมาย แต่เป็นคนบันทึกอะไรไม่เก่ง คงจะไม่ได้บันทึกอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เป็นขั้นตอนเหมือนคนอื่นเค้า แต่ก็จะพยายามละกันค่ะ

Wednesday, April 04, 2007

ส่งการบ้านแถ่กอาหารให้พี่ปุ้ยคร๊า

โดนแถ่กต่อมานานน้านนาน จนสาวอ้อม สาวเจเขียนเสร็จแระ เราเพิ่งเริ่ม แต่ก็เอานิ ช้า ๆ ได้พร้าไว้ฟันหัวสามีเล่น อิอิ

อย่างแรกเลยคงหนีไม่พ้น MK สุกี้ เป็นคนชอบสุกี้มาก กินได้ทุกยี่ห้อ แต่ยี่ห้อ MK จะโปรดสุด จริง ๆ แฟนเก่าเคยพาไปกินร้านสุกี้ต้นตำรับหรือไงไม่ทราบ ร้านอยู่ตรงถนนเพชรบุรี เอ๊ะ ร้านนั้นชื่ออะไรหว่า นึกไม่ออก น้ำจิ้มก็อร่อยดี กลิ่นเต้าหู้ยี้ฉุยเลย แต่ท่าจะเหมาะกับคนชอบทานเนื้อมากกว่า (อ้าว พูดเรื่องเอ็มเคอยู่ดี ๆ ไหงแวะไปร้านอื่นได้) คิดถึงเป็ดย่าง คิดถึงบะหมี่หยก คิดถึงน้ำจิ้มสุกี้เอ็มเค นึกถึง pocket pc ที่น้องพนักงานแสนจะไฮเทคใช้จดเมนู เห้อ อยากกิน

อย่างที่สองต้องนี่เลย หอยหลอด, หอยลาย, หอยตลับ และหอยกะพง ผัดฉ่า อยากทานมากกกกกกก เผ็ด ๆ เลยนะ ใส่กระชายเยอะ ๆ เม็ดพริกไทยสดแยะ ๆ อ้อ ถ้าผัดฉ่าต้องมีนี่ด้วย ปลาดุก อุย ๆ เลยนะ ตัดเป็นชิ้น ๆ ปล้องใหญ่ ๆ โหย ทานกับข้าวร้อน ๆ ตาย ค่ะ ตาย แค่นึกน้ำหนักก็ขึ้นแล้ว

อย่างที่สาม ก็คงต้องเป็นห่อหมกฝีมือป้าโฉม (พี่สาวพ่อ) ป้าเราเป็นคนทำอะไรก็อร่อย แกเป็นแม่ค้าขายอาหารฝีมือฉกาจมาก ตื่นตีสามไปตลาด กลับบ้านมาเตรียมของตาหลับก็สามารถหั่นของได้ อันนี้ยืนยันกันทั้งตระกูล
ป้าทำห่อหมกพุงปลาช่อนได้อร่อยที่สุดในโลก ไม่ว่าจะใส่ใบยอ หรือกะหล่ำ อร่อยทั้งสองอย่าง แล้วรสชาติจะเหมือนเดิมทุกครั้ง ไม่ว่าทำกี่ครั้งก็ตาม (ว่าแล้วกลับไปคราวหน้า ขอห่อหมกพุงปลาช่อนสำหรับโอ๋คนเดียว สิบห่อเลยนะคะป้า อิอิ ห้ามใครมาจกด้วย)

อย่างที่สี่ อันนี้ไม่ได้ทานนานมาก ๆๆ แต่ก็ยังนึกถึงเสมอเวลาผ่านไปแถวนั้น สมัยเรียนสวนดุสิต จะมีร้านชื่อเจ๊หงษ์ อยู่ตรงซอยไร้ส้ม สวนอ้อยอะไรซักอย่าง จำไม่ได้แล้ว นานมาก ๆๆ ร้านนี้ทำอาหารอร่อย แต่เมนูโปรดของเรามีสองจาน จานแรกจะเป็นยำปลาดุกฟู ร้านนี้เค้าใช้ปลาดุกล้วน ๆ ไม่ผสมมะพร้าวขูดเหมือนร้านอื่น ๆ อร่อยมาก น้ำราดก็อร่อย อ้อ เค้าใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วย ไม่ใช้ถั่วลิสง ไม่ธรรมดา ๆ และก็อีกเมนูคือ เกาเหลาเย็นตาโฟแห้ง โหย อันนี้ก็สะเด็ดสะเด่ามากค่ะ อร่อยจริง ๆ เครื่องเยอะ เครื่องครบ อร่อย ๆ (ถ้าจำไม่ผิด ร้านนี้เป็นร้านครอบครัว ติ๊ก กัญญารัตน์มั้ง หรือญาติกันเนี่ยแหละ)

สุดท้าย ที่สามารถนึกได้ ณ ตอนนี้ ก็คงจะเป็น ตำซั่ว กับปลาดุกย่างตัวใหญ่ ๆ ร้านพี่ปอย ในหมู่บ้านเราเอง เป็นร้านส้มตำที่ทานกี่ครั้ง ๆ รสชาติก็อร่อยเหมือนเดิม ขนาดล่าสุดกลับไป บอกพี่ปอย เอาตำซั่วปลาร้าใส่กุ้ง เหมือนเดิมนะพี่ พร้อมปลาดุก รสชาติไม่มีเปลี่ยน อร่อยมาก

ไอ้อ๋วน (อึดอัด)

ไอ้อ๋วน (อึดอัด)

กาก้า (ชูก้าร์)

กาก้า (ชูก้าร์)

น้องเน่ (เนเน่ หรืออีกนิคเนม คืออิแรด)

น้องเน่ (เนเน่ หรืออีกนิคเนม คืออิแรด)

น้องโง (โงกุล)

น้องโง (โงกุล)

ไอ้ส้วม (ส้มหล่น)

ไอ้ส้วม (ส้มหล่น)

หมูม่อน

หมูม่อน

ขอให้รักเรานั้นนิรันดร (เสี่ยวไปมั้ย?)

ขอให้รักเรานั้นนิรันดร (เสี่ยวไปมั้ย?)

About Me

สาวไทยจำใจจากจรเมืองฟ้าอมรมาอยู่บ้านดอนโอไฮโอ