Thursday, September 27, 2007

อดเซอร์ไพรส์เล

ไม่รู้เป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองรึเปล่า เลยทำให้คุณซะมีไม่เคยทำเซอร์ไพรส์สำเร็จเลย (จริง ๆ ก็มีสำเร็จไปเหมือนกันนะ แต่ทีเดียว ถ้าจำไม่ผิด)
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนร่วมงานที่ท้องไล่เลี่ยกัน จะมีเบบี้ชาวเวอร์ต้นเดือนหน้า แต่ตัวเองก็ไม่ได้อะไร จิมเคยพูดไว้นานแล้วว่าจะมีให้เราเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร ยังไง แถมแม่เค้ากับน้องสาวยังบอกให้เราหยุดซื้อของได้แล้ว ให้เหลือของไว้ให้พวกเค้าซื้อบ้าง และก็เราต้องมีเบบี้ชาวเวอร์ แล้วก็จบกันไป

ทีนี้ ความผิดสังเกตุคือ จิมเอาตัวอย่างเวบไซด์ของโรงพยาบาลที่เราทำงาน ที่จิมเค้าเขียนใหม่ให้ เอาไปให้หมอดู แล้วเพื่อนร่วมงานเราก็พูดกับเราว่า เค้าจะโทรหาจิม เราก็ไรฟระ มาโทรหาสามีชั้นทำไม เราก็บอกเด๋ววันนี้(เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้) เค้าก็จะเข้าไปเรื่องเวบไซด์น่ะ เค้าก็อ๋อ โอเค ๆ จากนั้น พอจิมกลับบ้าน เพื่อนร่วมงานเราก็โทรมาคุยกับจิมอีก ตาจิมก็แอบ ๆ คุย เราก็อืม มันต้องมีอะไรแน่ ๆ พอคุยเสร็จ เราก็ถามว่า มีอะไรเหรอ เค้าก็เปล่า ๆ แล้วก็ทานข้าวกัน แต่พอเสร็จ เค้าก็เดินมากอดแล้วก็หัวเราะหุหุ ทำท่าเยาะเย้ยเราว่า เค้ารู้อะไรที่เราไม่รู้ ฮืม เล่นไม้นี้ แค้นฮ่ะ แต่ก็ทำเป็นไม่อยากรู้ไป

แต่วันนี้ พอดีเดินเข้าไปในออฟฟิศที่บ้าน ก็เห็นถุง american greeting เราก็เปิดดู ข้างในเป็น invitation cards สวยเชียว (สวยกว่าของเพื่อนร่วมงานเรามากมาย) มีทั้งหมดสองแพ็คได้ (ตอนนั้นจิมนั่งทำงานอยู่ด้วย เค้าก็บอก เห้ย นั่นไม่ใช่ของยู เอาไว้ที่เดิม เราก็เลยทำเป็นไม่สนใจ หุหุ หารู้ไม่ พอจิมหลับ เราก็ย่องไปดู ก็เห็นอย่างที่บอกนั่นแหละค่ะ แล้วก็มีโพยต่าง ๆ ชื่อและที่อยู่เพื่อนร่วมงาน ครอบครัวจิม และก็เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคนไทย จิมเค้าพิมพ์และพริ้นท์ไว้ จากนั้นก็เห็นโพยหมดว่า จัดที่ไหน วันที่เท่าไร อาหารคร่าว ๆ จะมีเกมส์ยังไง ไรเงียะ พอดูเสร็จ ก็รีบ ๆ พับเก็บที่เดิม และก็เซ็งตัวเอง ว่าทำไมไม่ปล่อยให้เค้าเซอร์ไพรส์ฟระ ทีนี้รู้หมดแล้วอ่ะ ก็ไม่ตื่นเต้นแล้วดิ แต่ก็คงไม่บอกจิมหรอกนะ ว่ารู้แล้ว กลัวเค้าเซ็งและเสียใจ แต่ก็ประทับใจมากเหมือนกัน ที่เค้าพยายามทำอะไรให้ รวมทั้งประทับใจความน่ารักของเพื่อนร่วมงานด้วย

สรุปว่าจะมีเบบี้ชาวเวอร์หลังวันเกิดตัวเองสองวัน (21 ต.ค. นี้) อ่ะค่ะ หวังว่าตัวเองจะไม่ทำเสียเอง จะมีที่บ้านตัวเองด้วย ก็คงต้องทำความสะอาดบ้านยกใหญ่ แต่ต้องทำเป็นไม่รู้ แล้วมันจะทำยังไงฟระ เอาเป็นว่า แล้วจะเอารูปมาอัพเดตให้ดูละกันนะจ๊ะ แอบตื่นเต้นเหมือนกันอ่ะ เคยเห็นรูปพี่น้อง (ในบอร์ดอังเคิลแซม) ตอนมีชาวเวอร์ แล้วแกมีบัลลังก์ส่วนตัว ฮา ๆๆๆๆ

ก่อนจบวันนี้ สรุปเรื่องชื่อให้น้องคิวท์แล้วนะคะ ชื่อน้องคิวท์ก็จะเป็นชื่อเล่นที่ครอบครัวและเพื่อนคนไทยใช้เรียกกันเหมือนชื่อเล่นของเรา ๆ นั่นล่ะค่ะ แต่ชื่อจริงจะเป็น Hayley Asia Torres (initial:HAT haha) อ่านว่าเฮย์ลี่ ส่วนชื่อกลางก็จะเป็นได้ทั้งชื่อไทยด้วย และเมกันไปในตัว ก็โอเค ไม่ต้องมาปวดหัวนั่งคำนวณตัวเลข แล้วแม่จิมก็ชอบชื่อเอเชียนี่มากด้วย บอกคุณยายจิมไป แกชอบใหญ่ พอเขียนให้แกดูในกระดาษ แกฉีกไปเก็บไว้เลย น่ารักจริง ๆ คุณยาย

ปล. อัพดูดตัวเองหน่อย มีหลายคน อยากเห็นความฉุ ของว่าที่คุณแม่น้องคิวท์ ว่าพุงล้ำไปถึงไหนแล้ว แต่ว่าเป็นคนไม่ค่อยชอบถ่ายรูป เพราะไม่มั่นใจ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าขี้อาย (ใครเค้าเชื่อ?) เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพตัวเองไว้ตอนท้องเลย จิมถ่ายก็ไปตามลบหมด รับตัวเองไม่ได้ แต่มีภาพตอนไปงานแต่งเพื่อนร่วมงานมา นิดหน่อย เห็นหน้าแล้วบ่งบอกเลยว่าไม่อยากถ่ายอย่างแรง หุหุ (ถ่ายจากมือถือทั้งสองรูป เหะ เหะ)

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

Friday, September 21, 2007

ขอรีวิวกะเค้ามั่งจิ (เค้าก็เป็นสาวกห้องโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนกันน้า (ภาคสอง)

มาต่อภาคสองกันมั่ง อย่างที่บอกไว้ในบล็อกที่แล้ว ว่าบล็อกนี้จะเป็นเมคอัพล้วน ๆ นะคะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง งั้นมาดูกันเลยละกันค่ะ (นี่เพิ่งสั่งกลอสเพิ่มไป ของ Becca น่าจะมาถึงวันจันทร์ นี่ถ้าไม่ถูกไม่ซื้อจริง ๆ ด้วย อิอิ)

มาดูภาพหมู่ก่อนละกันค่ะ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

จริง ๆ มีเยอะกว่านี้อีกนิดนึง เพิ่งส่งไปให้เพื่อนที่ออสเตรเลีย และก็ให้พาเลทหลานสาวจิมไปชุดนึง ของ Hard Candy และก็ให้สาว ๆ แถวนี้ไปบ้าง กลัวมันจะหมดอายุก่อนจะได้มีโอกาสใช้ เหอ เหอ บ้าของ แต่ไม่บ้าแต่ง แล้วแต่อารมณ์จริง ๆ ค่ะ ยิ่งตอนนี้ท้องนะ โหย ขี้เกียจบรรลัยโลกเลย อ่ะ ทีนี้มาดูแยก ๆ เป็นประเภทกันบ้าง

เริ่มจากพวกโบก โบ๊ะ ปกปิดกันก่อน ก็จะเป็น Primer, Tinted, foundation stick and concealer นะคะ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

จะมีปะปนกัน ที่ใช้อยู่ประจำ จะเป็น Laura Mercier ใช้ตั้งกะก่อนมาเมกาแล้ว ติดใจ เลยยังไม่เปลี่ยน Tinted โอ๋ใช้สี Fawn ซึ่งพอดีกับสีหน้าเลย พอดีเห็น Becca ลดกระหน่ำในเซโฟร่า เลยสอยมาด้วย ลองใช้แล้วชอบนะคะตัว Tinted เป็นแบบน้ำ แต่ได้สี Sand มาซึ่งค่อนขาวกว่าหน้าหน่อย เลยเอาผสมกับลอร่า ก็ออกมาโอเคเลย ส่วนตัว Primer ยังไม่เห็นความแตกต่าง ระหว่างป้าลอ กับเบคค่า ก็ลองใช้ไปเรื่อย ๆ ก่อน จากนั้นก็เป็น Secret Camouflage SC3 ตัวนี้ตัวเอก เพราะปกปิดได้ดีจริง ๆ ค่ะ จะเห็นมีคอนซีลเลอร์ของป้าลอ อีกตัวด้วย อันนั้นได้แถมมา ลองแล้วไม่รู้สึกอะไร เลยไม่ค่อยได้ใช้ ทีนี้มาที่ Smashbox lips&lid ซื้อมานานแล้วเหมือนกัน ส่วนใหญ่ ใช้ทาเป็นรองพื้นปาก ก็โอเค ทำให้สีติดทนนาน แต่ lid ไม่ค่อยได้ใช้อ่ะค่ะ
ทีนี้มาที่ foundation อีกสามตัว สองตัวหลอดเล็ก เป็น Bobbi brown ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แล้วแต่อารมณ์ ถือว่าปกปิดโอเคเลยค่ะ แต่ว่าต้องใช้หน้าหนาว เพราะตัวเองหน้ามัน ทีนี้สุดท้าย หลอดใหญ่สีเงิน ๆ เป็นของ Red Earth พี่สาวส่งมาให้ ยังไม่ได้ลองเลย ไม่รู้ว่าดีไม่ดียังไง

ทีนี้มาที่ แป้ง ๆ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ตัวเอกก็คงเป็น แป้งเด็ก ชิเซโด้ เพราะใช้บ่อย (ตลับที่อ้อมส่งมาให้ล่ะจ้ะ เห็นสภาพเป่า ผ่านหลายสงครามมาก) แต่ถ้าแต่งหน้าก็จะใช้ป้าลอ loose powder สี translucent น่ะค่ะ ตัวนี้ใช้ตั้งกะอยู่ไทยเช่นกัน ยังประทับใจอยู่เลยไม่เปลี่ยน
แต่ก่อนจะมีตัว pressed powder สีเดียวกัน ของป้าลอพกไว้ แต่ว่าพัฟ ห่วยแตกมาก ต่อให้ใช้บรัช ก็ฝุ่นกระจาย ไม่ประทับใจ เลยเอาไปเปลี่ยนค่ะ แล้วเห็นตลับของลังโคม จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจซื้อ แต่เพราะอยากได้ของแถม อิอิ เลยซื้อมา เป็น pressed powder สี transparent ไว้เติมระหว่างวัน (แต่ไม่ค่อยได้เติมหรอก) อีกตลับ เป็น foundation powder ของ Biotherm ถามว่าดีมั้ย ก็โอเคในระดับนึง แต่ถ้าหมดอาจจะไม่ซื้อใหม่ เพราะคงจะลองยี่ห้ออื่น สุดท้าย เป็น night amulate สะกดงี้เป่าไม่รู้แฮะ ของ Ettusais เป็นแป้งใช้ทาก่อนนอน แต่เฉย ๆ มาก ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกับใช้แป้งจอห์นสันเลย แพงซะเปล่าอ่ะค่ะ (อันนี้ฝากอ้อมซื้อจากไทย อิอิ)

ทีนี้มาที่ High lighter, shimmer กันบ้าง

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ไม่มีตัวไหนชอบเลย เพราะเป็นคนหน้ามัน ปัดพวกนี้ แล้วจะทำให้ดูหน้ามัน ฉ่ำ ๆ แปลก ๆ ได้ลุคที่ไม่เหมาะกับตัวเองเท่าไร แต่เก็บไว้ใช้ปัดตอนกลางคืนบ้าง เวลาอยากให้ออกเงา ๆ หลังปัดบลัชแล้ว ก็โอเคค่ะ (ตัว เบคค่า ที่เพิ่งได้มา โอเคนะ ออกสีทอง ปัดบาง ๆ หลังจากปัดบลัชสีส้ม ก็ออกมาเงา ๆ เล็ก ๆ)

ทีนี้มาที่ บลัช

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

บลัชนี่ขาดเธอขาดใจ ตาไม่เป็นไร เพราะแต่งตาไม่ค่อยเป็น แต่บลัชนี่ต้องมี ที่เป็นพาเลทจะเป็นของ เอสเต้ ที่พี่สาวซื้อให้ตอนกลับไปแต่งงาน ซื้อเป็นชุดใหญ่ที่ขายช่วงคริสมาสต์หรือไรเนี่ยอ่ะค่ะ ใช้แล้วก็โอเค ได้ลุคธรรมชาติ จากนั้นของ DVF ไปเจอที่ TJMaxx เห็นสีชมพูน่ารักดี เลยลองดู ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะหน้าโหด ปัดสีนี้แล้วเหมือนบ้าบี๋ มากกว่าบาร์บี้ จากนั้นก็เป็น Biotherm, Dior, Rimmel, Make up forever(สุดที่รัก) Becca และก็เอสเต้ตัวแถม จะสังเกตุว่าสีออกโทรส้ม ชมพูทั้งนั้น อยากได้ของพวกนาร์ส หรือแม็คเหมือนกัน สีสวย ๆ ทั้งนั้น แต่ว่า ถ้าเอามา ก็ต้องกำจัดของเก่าก่อน แต่ยังเสียดาย บวกกับ เงิน ๆๆๆๆ เลยพักกันไป

มาต่อที่ eyes shadow

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เรื่องตานี่ไม่เซียน เลยขอผ่าน เอาให้ดูเฉย ๆ ละกันค่ะ ตลับพาเลทสีทอง ก็เอสเต้ชุดเดียวกับบลัช และก็ ลังโคม ไม่เคยใช้เหมือนกัน ต่อจากนั้นก็ Dior, estee (GWP) ลอริอัล, เมย์เบลลีน และก็ ป้าวิคกี้

ทีนี้มาที่ Mascara and brow กันบ้าง

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

จะเห็นว่ามีมาสคาร่าเยอะมาก แถมจากเอสเต้ก็เยอะ มิสทีนที่อ้อมให้มาก็ยังอยู่ มี แม็คแฟคเตอร์ เมย์เบลลีน เบคค่า ที่เพิ่งได้มา (แต่เป็นสีน้ำตาล) และก็มีอายไลน์เนอร์ เป็นดินสอ ของเอสเต้ สีดำ แบบสองสีที่ได้มาเป็นเซ็ทของ เบคค่า สีสวยเชียวค่ะอันนี้ และก็เมย์เบลลีน ส่วนคิ้ว จะเบ็คค่า กับ Smashbox ชอบทั้งสองตัว แต่ สแมชบ็อกซ์นี่ซื้อพร้อมแปรง เป็นแว็กซ์ กับพาวเดอร์ แว็กซ์ใช้เก็บขนให้เป็นระเบียบ (แปรงก็เมดอินไชน่า วู้ว ตั้งแพง)

มาถึงลิปสติก ลิปกลอส

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ลิปสติกยังไม่เจอยี่ห้อที่ประทับใจจริง ๆ เลยค่ะ ก็ใช้ให้มันหมด ๆ ไป ลิปกรอสนี่ก็ปกติไม่ค่อยใช้ แต่พอได้ลองเบคค่า ที่เพิ่งได้มา เลยชอบ เพราะทำให้ปากนุ่มมาก เลยสั่งไปเพิ่มอีก นี่ยังมาไม่ถึงเลย ยี่ห้อก็มีเอสเต้ คลินิค ดิออร์ ลังโคม แม็ค นาร์ส เอลิซาเบธ อาร์เดน (สีสวยมากแท่งนี้) เบคค่า ป้าลอ etc.

ต่อไปก็เป็นพวก Tools ต่าง ๆ ทั้งบรัช และก็ที่ดัดขนตา

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

พวกบรัชนี่ น่าจะแล้วแต่คนชอบจริง ๆ โอ๋ซื้อเป็นเซ็ทมาจากอีเบย์ ของนาร์ส ถามว่าดีมั้ย ก็ไม่แบ๊ดอะไรมากมาย และก็มีของ Bare mineral อันนี้ใช้พกพา และก็มี อย่างอื่นอีก แต่ขี้เกียจบรรยายแล้วดูจากรูปแล้วกันนะคะ ส่วนที่ดัดขนตา ของลุงชู กับลังโคม (ได้แถมมา) ชอบลุงชูอ่ะ แต่ก็ไม่เห็นความแตกต่างมาก จริง ๆ แล้ว

สุดท้ายแล้ว มาที่พาเลท

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

พาเลทที่เป็นกระดาษ นั่นของ Hard Candy ซื้อมาสองเซ็ท อีกเซ็ทให้หลานสาวจิมไป เซ็ทนี้ สีสวยใช้ได้ แต่ไม่ได้ใช้ เก็บไว้สวยงาม และอีกเซ็ทเป็นอันที่พกในกระเป๋า ณ ปัจจุบัน ของคลินิค สีก็แนวคลินิคอ่ะค่ะ ไม่มีอะไรฉูดฉาด

ก็หมดแล้วอ่ะ ไม่มากไม่น้อยนิ แล้วคราวหน้าก็คงจะกลับมาเขียนเกี่ยวกับเบบี้ละกันค่ะ ขอบคุณที่ติดตาม

Thursday, September 20, 2007

ขอรีวิวกะเค้ามั่งจิ (อ๊ะ เค้าก็เป็นสาวกโต๊ะเครื่องแป้งเน่อ) ตอนที่หนึ่ง

เกริ่นหน่อย ๆ หลังจากที่กลายมาเป็นยัยพุงป่อง ก็ห่างหายไปจากวงการความสวยความงาม ไม่ได้สนใจชาวโลกว่าจะใช้อะไร ยี่ห้อไหนดี เวบไซด์ที่เข้าประจำ อย่างพันทิพย์ห้องโต๊ะเครื่องแป้ง เวบฯเซโฟร่า หรืออีเบย์ ก็ไม่ไปแตะเลย ประมาณว่าแค่เห็นก็มีของเหลวมาจ่อที่คอแหล่ว จนกระทั่งผ่านพ้นช่วงพีคของชีวิตมาถึงเดือนที่ห้าปลาย ๆ ก็เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เริ่มเห็นว่าโลกสวยงามอีกครั้ง เริ่มกลับมาสนใจตัวเองอีกรอบ (ช่วงแพ้ และไม่สบายนี่ ไม่แตะไรเลย จนเพื่อนร่วมงานทักว่า you look so pale)

พอความสนใจใคร่รู้กลับมา ความอยากพร้อมกิเลสก็ประเดประดังเข้ามาอีกรอบ เหอ เหอ ถึงพุงจะป่อง ตรูดจะหญ่าย ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความต้องการของตัวเองได้ พอเริ่มกลับมาสนใจ ก็เริ่มหาโน่นหานี่เข้ามาเพิ่ม อ๊ะ สกินแคร์ตัวนี้ใกล้จะหมดแระ เบื่อว่ะค่ะ อยากลองยี่ห้ออื่น เอ๊า สอยมา อ๊ะ ตัวนี้ก็จะหมดอีกแล้ว เบื่อตัวเก่าอีกว่ะค่ะ อ้าว ก็สอยมา จนกระทั่งต้องบอกตัวเองว่า เอ่อ จะซื้อมาหา....อะไรเยอะแยะคะ เด๋วน้องคิ้วท์เกิดจะชวนลูกเล่นแต่งหน้าหรือไงไม่ทราบ? เหะ เหะ

เอาเป็นว่ามาเข้าเรื่องเลยเนอะ พล่ามมานาน แต่บล็อกนี้คงเป็นพวกสกินแคร์ ตัวบำรุงตั้งกะหัวจรดเท้าละกันค่า แต่ไม่มากมายไรนะ แค่พอไปวัดไปวากับชาวบ้านเขาได้ และก็ไม่เดือดร้อนงบเท่าไร (ไอ้ที่เดือดร้อนน่ะ พวกเมคอัพทั้งน้าน แต่ไว้บล็อกหน้าละกัน เมคอัพ)
เริ่มจากรวมเครื่องประทินผิวหน้าก่อน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

จะเห็นได้ว่า ตัวทำความสะอาดมีแค่สองตัวอ่ะค่ะ เช้าจะเป็น นูโทรจีน่าสำหรับผิวมีสิว จริง ๆ ซื้อมาให้จิม แต่พอตัว Purity ของ Philosophy หมด ก็ยังไม่ได้ซื้อใหม่ ขโมยสามีมาใช้ (ว่าจะสอย เซตาฟิล ที่เพื่อน ๆ ใช้เหมือนกัน มาใช้ตอนเช้าอย่างเดียว ก็ยังไม่ได้ฤกษ์ซะที) อ่ะ ต่อ ๆ ส่วนตัวกลางคืน ก็จะเป็นตัวเดิมที่ใช้มานานแล้ว (นี่เป็นหลอดที่สองตั้งกะมาอยู่เมกา) ใช้แล้วชอบ เลยยังไม่อยากเปลี่ยนเท่าไร ของ Origins แต่ถ้าแต่งหน้าหรือทากันแดง ก็จะต้องใช้ตัว Take the day off ของ Clinique ก่อน ไม่งั้น ตัวออริจินส์ตัวเดียว เอากันแดดแบบกันน้ำไม่ออก เสร็จแล้วก็ต่อด้วย Toner ของนูโทรจีน่า แบบ Algohol free, fragrance free ชอบเหมือนกัน ถูกดี ใช้ได้แบบไม่ต้องกลัวหมดเลย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

อ่ะ ทีนี้ก็มาถึง ตัวบำรุง หลังจากที่ใช้ของ Philosophy กับ Origins มาจนเบื่อ ก็เลยอยากเปลี่ยนไลน์บ้าง ก็ดูโน่นดูนี่ หาไปเรื่อย ๆ จนมาสรุปที่ Estee Lauder (อีกแล้ว) ที่ว่าอีกแล้ว เพราะเคยใช้มาก่อน แต่ไม่ใช่ชุดนี้ จริง ๆ ก็ชอบนะ แต่ว่าอยากลองยี่ห้ออื่นแค่นั้นอ่ะค่ะ แต่สุดท้าย ก็มาตายรัง เริ่มจากสนใจตัว Idealist pore minimize skin refinisher อะไรซักอย่าง ที่เป็นซีรัม ตัวนี้ออกใหม่ ตัวเองเคยใช้ ตัว Idealist ตัวเก่าที่เป็นขวดเหมือนกับพินโบลลิ่ง มาก่อน ชอบมาก เลยคิดว่า ตัวนี้เราคงใช้ได้ดีเหมือนกัน ก็ไปซื้อมาก่อนที่ Macys แต่วันที่ไปซื้อ ไม่มีแถมอะไรเลย ราคาตั้งแพง แต่ก็เอามาก่อนเพราะอยากใช้ ทีนี้ มาเข้าเวบฯ estee lauder.com โหย แถมเพียบเล้ย เลยสั่งจากทางเวบฯ แล้วก็เอาตัวใหม่ไปคืนเค้า อิอิ พอมีตัวแรก ก็ต้องมีตัวต่อไป ก็ต้องเป็น moisturizer ก็ไปที่เคาน์เตอร์อีกนั่นแหละ ไปถามเค้าว่า ผิวหน้าเฮีย ๆ แบบไอเนี่ย เหมาะกับมอยส์เจอร์ตัวไหนเหรอ เค้าก็ถามสภาพผิว แล้วก็สรุปมาที่ตัวที่เป็นแค่มอยส์เจอร์ Day wear plus ไม่ได้ทำอะไรมาก ราคาไม่แบ๊ด แต่เราอยากได้ที่ พรีเว้นท์พวก wrinkle or lifting เค้าก็บอก ยูยังไม่จำเป็นต้องไปใช้พวกนั้นเลย ใช้แค่ตัวนี้ล่ะธรรมดา ก็โอเค ไม่ให้ซื้อก็ไม่ซื้อฟระ กลับก็ได้ แล้วก็มาสั่งทางเวบฯเอสเต้ เอา ก็ได้เซ็ท Future Perfect for normal/combi skin เป็นเซ็ท มา ถูกใจมากฮ่ะ สั่งไปแล้วก็ได้ของแถมอีก หุหุหุ ทีนี้ ทางเค้าน์เตอร์เอสเต้ที่เมซี่ โทรมาให้ไปทดลองแต่งหน้า และเลือกสกินแคร์ อ่ะเราก็ไป ก็ได้กิฟต์เซ็ทมาอีกชุดนึง ยิ้มสิคะ แล้วเนื่องจาก ต้องการตัวไนท์ซีรัมด้วย เลยสอบถามบีเออีก เค้าก็แนะนำตัว Advance night repair มา เราก็ว้า มีตัวเดียวเนี่ยน่ะเหรอ แต่ก็เอามานะ (ทุกตัวที่ซื้อ 50 ml หมดเลย) แต่ก็ซื้อมาลองก่อน แล้วก็เหมือนเดิมฮ่ะ กลับมาถึงบ้าน มาลองใช้ได้สองสามวัน ถูกใจ เลยไปสั่งจากเวบฯเอสเต้มาอีก กร๊ากกกก เพราะอยากได้ของแถมเพิ่มเท่านั้นเอง แล้วก็เอาตัวใหม่ไปคืนที่เคาน์เตอร์

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

จะเห็นว่ามี eyes cream อยู่สามตัว สองตัวที่เป็นของ estee นั่นก็แถมมานั่นล่ะค่ะ แต่ตัวแถมก็ครึ่งนึงของฟูลไซส์นะคะ เราเลยประหยัดค่าครีมรอบดวงตาไป ได้มาสอง ก็เท่ากับขนาดจริงพอดี เป็น resilience กับ future perfect eyes cream ตัวแรกเป็นตัวยกกระชับ ตัวที่สอง เป็นแอนตี้ รอยย่นน่ะค่ะ ใช้แล้วชอบทั้งสองตัว แต่ก็ยังใช้ตัว hope in a tube ของฟิโลฯ ไปด้วย ให้มันหมด ๆ ไป ใช้ตอนเช้าน่ะค่ะ ส่วน ตัวตลับเป็น Shea Butter ของ L'occitaine ใช้เป็นอายครีม ตอนช่วงหน้าหนาว ให้ความชุ่มชื้นได้ดีทีเดียวค่ะ

อ่ะ จบเรื่องบำรุง ก็มาดูตัว พอก ลอก ขัด กันบ้าง

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ตัวที่ชอบที่สุด คงจะเป็น Microdelivery peel ของ Philosophy ใช้แล้วหน้าจะนุ่มมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ หน้าใสขึ้น (เห็นได้ชัดหลังจากการใช้ในทันที) ไม่ใช่เป็นตัวขัดหน้า เหมือนสครับทั่วไป จะมีสองตัว ตัวแรกจะเป็นเกล็ดวิตฯซี (ใช่เป่าหว่า) ซึ่งจะใช้ทาทั่วหน้าบาง ๆ ก่อน เสร็จแล้วก็ตามด้วยวิตฯ ซี ซีรั่ม ทาทับบนตัวแรก แล้วมันจะทำปฏิกิริยากัน เป็นฟองฟู่น้อย ๆ สีขาว ๆ ค่อย ๆ กด ๆ วน ๆ ให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างออก หน้าจะใสและนุ่มมากค่ะ
จริง ๆ จะมีอีกตัวของออริจินส์ จำชื่อไม่ได้แล้ว นั่นก็ชอบเหมือนกัน เป็นสครับ กลิ่นหอมมาก แต่ให้พี่อรไปแล้ว (ให้ตัวที่ยังไม่ได้ใช้) มาถึงพอก เป็นของ Crabtree&evelyn เป็นโคลนพอกหน้าของจีน หรือไงเนี่ยแหละ อยากลองใช้ แต่พอใช้แล้วเฉยมาก ๆ เลย ไม่รู้สึกว่าทำให้หน้าดีขึ้นหรืออะไร
มาถึงตัวเอกอีกตัว เป็นแป้งพอกหน้าจากประเทศแถบยุโรป ชื่อ mianma (เอ่อ ใครเขาบอกเมริงคะ ว่าพม่าอยู่โซนยุโรป? อิอิ) เป็นแป้งพม่าเนี่ยแหละค่ะ ใช้แล้วชอบมาก หน้าจะเนียนผ่อง ออกเหลืองนวลนิดนึง อันนี้พี่สาวส่งมาให้ ใช้แล้วสำเนียงการพูดจะออก เมียงปร๊ะ สบรึย ปรองแปรง แล้วอยากสวมโสร่งมาก
อีกตัวเป็น refining mask จาก Proactive อันนี้ซื้อจากอีเบย์ ตัวเดียวโดด ๆ ถามว่าดีมั้ย (ใครถาม?) ก็ชอบนะคะ แต้มหัวสิวตอนกลางคืน ตื่นมาหัวยุบ (หมายถึงหัวเรานะ เพราะแต้มซะน่ากลัว จิมตกใจตื่นคิดว่าผี เลยเข่าซะ อิอิ)
และสุดท้ายนี้ก็ ตัวแต้มสิว clean and clear แรก ๆ ชอบ เพราะรู้สึกว่า โอ้ว ของถูกและดีมีจริงในโลกแฮะ ใช้แล้วสิวยุบ แต่พอนานเข้า มันกลับเฉย ๆ ล่ะ เห้อ

หมดเรื่องหน้าแล้ว มาต่อกันที่ อะไรก่อนล่ะ ผมละกันค่ะ เนื่องจาก เห็นเพื่อนอ้อม และก็พี่ปุ้ย ณ อังเคิลแซม บอกว่า ตัวกรีนที ของ พอลมิทเชล ดีนักหนา อิชั้นเลยไปสอยมาซะขวดปั๊มใหญ่เลย (ซื้อแบบ buy 1 get the other 50% off ด้วย) ก็สรุปว่าคงใช้ไปถึงปีหน้าน่ะค่ะ สองแกลลอนนี้ ส่วนคอนดิชั่นเนอร์ (จะเรียกครีมนวดแล้วกลัวคนไม่เข้าใจ?) ก็ใช้ Treseme ธรรมดา ราคาไม่แพง และก็จะมีพวกโลชั่นใส่ปลายผมนิดหน่อย ของ neutrogena ขวดเล็กแต่ใช้นานมาก ๆๆๆค่ะ ส่วนอีกสองตัวเป็นของ John Freeda ก็ซื้อมานานแล้วล่ะ แต่ไม่หมดเสียที พี่ปรุ้ยแนะนำมาอีกทีเหมือนกัน
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

อ่ะ สุดท้ายแล้วจริง ๆ ค่ะ มาถึงเรื่องของผิวตัวบ้าง เปลี่ยนไปเรื่อยเลยจริง ๆ ครีมมอาบน้ำ ใช้ตั้งกะตามสโตร์ทั่วไป ยัน B&BW แต่ตอนนี้มาชอบตัวนี้อ่ะ Ahava หอมอ่อน ๆ ดี ใช้ได้นาน เพราะไม่มีใครช่วยใช้ สองพ่อลูกนั่นเค้าใช้ของ St.Ives เค้าชอบมากกว่าเพราะว่ามันหอมดี บางทีอารมณ์ดี ก็จะนอนแช่ตัว milk bath ของ Crabtree ไปด้วย หอมกลิ่นนมแพะ ผ่อนคลายดีเหมือนกันค่ะ สองตัวนี้ซื้อจาก TJMaxx อยากลองดู ไม่รู้ราคาเต็มเท่าไรอ่ะ ซื้อมาขวดละ 9.99 เป็นนมแพะขวดนึง และอีกขวดเป็น massage oil
ส่วนโลชั่นทาผิว ตอนนี้ ท้องป่องอ่ะค่ะ ตัวหลักเลยก็ massage cream ของ Palmers ทานวดกันขาแตก พุงแตก ตามที่เพื่อน ๆ พี่ ๆ แนะนำกันมา ท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว ใช้มา 4 ขวดกับหนึ่งหลอดแล้ว ก็ยังเห็นรอยแตกของแผ่นดินตรงแถว ๆ ขาอยู่ (อันนั้นไม่เกี่ยวกับท้อง ครือเมริงอ้วนอ่ะค่ะ)
และก็จะมี ตัวกระชับ หรือลดเซลลูไลท์ของ Lancome กับ Clarins ตัวของลังโคมนี่ซื้อมาขวดที่สองแล้ว ก็ยังเห็นขาเป็นฟองน้ำอยู่นั่นแหละ ถามว่าจะต่อมั้ย ก็คงขึ้นอยู่กับตังค์ในกระเป๋า เพราะกว่าจะหมด ลูกก็คงคลอดแล้ว ณ ตอนนั้นก็คงไปหมดกับลูกหมด ส่วนคลาแรงส์ นี่ใช้แล้วเย็น ๆ แต่ยังไม่รู้สึกอะไร จริง ๆ คือใช้ไปไม่กี่ที เพราะขี้เกียจน่ะค่ะ กว่าจะได้กลับมาใช้อีกที สงสัยมันคงจะหมดอายุ ซะก่อน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

อ่ะ ก็หมดแล้วสำหรับเครื่องประทินผิว ตั้งกะหัวจรดเท้า บล็อกหน้า ถ้าไม่ขี้เกียจซะก่อน ก็คงจะเป็นรีวิวเมคอัพน่ะค่ะ ทั้งของเก่า ของใหม่ และที่ยังไม่ได้ใช้ ไม่รู้ว่า เมื่อไรจะหมดเหมือนกัน แล้วยังไงก็ตามไปดู.....กันนะคะ (ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าคุณจะอยู่กับใคร ถ้าหากเรารู้ เราจะตามไปดู เอ่อ เสี่ยวแดกฮ่ะ.... จำกันได้เป่า รายการตามไปดู ของหมอซ้งอะไรนั่นอ่ะ แง้ว

Saturday, September 15, 2007

เฉลยค่า

ไปแอบเล่นเกมส์ ทายเพศในบอร์ดอังเคิลแซมมา อิอิ มีคนถูกแล้วด้วย (ก็งั้นดิ ก็ทายกันทั้งสองเพศง่ะ อิอิ)
ไปทำมาร่วมครึ่งช.ม. นะคะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่แปลกดีเหมือนกัน ราคาไม่แบ๊ดเลย ได้ทั้ง DVD, CD file ภาพ และก็ back up VHS แล้วก็ภาพอีกสองเซ็ท คมชัดมากด้วย แต่ที่สำคัญ คือได้เห็นกันแล้วว่าหนูไม่มีกระปู๋

สรุปว่าหนูเป็นเด็กหญิงนะคะ ยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย เพราะมั่นใจมาก ๆ เลยว่าจะได้ผู้ชาย แต่ก็แค่แป๊บเดียว ยิ่งตอนนี้ยิ่งตื่นเต้นแล้วที่เป็นผู้หญิง (จิมแอบเศร้านิดนึง แล้วก็มาแหย่เราว่า โอ๋ ๆๆๆ ฮันนี่ อย่าเสียใจไป พูดอยู่นั่น จนเราต้องตวาดไปว่า ให้หยุดพูดได้แล้ว เด๋วลูกเสียใจ เพราะเค้ารับรู้)

ตอนนี้โลกของเราก็กำลังเป็นสีส้ม ชมพูอ่ะค่ะ กลับมาบ้านก็คิด ๆ ว่า จะให้ชื่ออะไรดีน้า แต่ชื่อจริงยังไม่สรุป ได้แต่ชื่อเล่น


หนูชื่อน้องคิ้วท์ นะคะ (cute) แล้วอีกไม่กี่เดือนหนูก็จะได้เจอหน้าคุณแม่ กับแด๊ดดี้แล้วนะคะ

Friday, September 07, 2007

อัลตร้าซาวด์รอบสองพร้อมตรวจน้ำตาล

ตอนแรกว่าจะอัพเดทเรื่องงานวันเกิดจิม แต่ดันมีอะไรให้ไม่สบายใจนิดหน่อย เลยข้ามไปดีกว่า และก็มาอัพเรื่องเบบี้ต่อ

เมื่อวานนี้ไปทำอัลตร้าซาวด์รอบสองมาค่ะ พร้อมกับตรวจน้ำตาลไปพร้อมกัน
วันนั้น เรามีอาการไม่ค่อยดี เนื่องจากท้องเสียมาได้สองวันแล้ว จากการกินน้ำพริกแจ่วที่ทำกินเอง (อยากมาก ๆ ) คิดว่าเป็นเพราะกินเผ็ด เลยทำให้ท้องเสีย แต่เราไม่ได้ทำเผ็ดมากเลยนะ เพราะรู้ว่า กินเผ็ดทีไรจะท้องเสียทุกที
ตื่นมาตอนเช้า ก็เตรียมตัวไปทำงาน ด้วยความที่ท้องเสีย เลยไม่กล้ากินอะไรมาก เลยคว้ากล้วยหอมมากินหนึ่งลูก คิดว่าจะช่วย แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ประปราย แล้วเราก็จิบเกเตอร์เรท เรื่อย ๆ ตลอดวัน ไม่อยากให้ดีไฮเดรท พอเสร็จงาน กลับมาบ้าน ก็ต้มไข่กินไปสองฟอง แล้วก็เอนหลังหน่อย เสร็จแล้วก็มาออนไลน์ คุยกับฝน ณ ฮอลแลนด์ และก็พี่ปุ้ยนิดหน่อย จนได้เวลาเดินทางไปพบหมอ (2.30 pm เวลานัด บ่ายสามโมง)

จิมมารับที่บ้านแล้วก็ไปออฟฟิศหมอพร้อม ๆ กัน แต่คราวนี้เราไม่ได้ไปที่เดิม ที่เคยไป เพราะออฟฟิศที่เราไปพบหมอทุกที จะไม่มีเครื่องอัลตร้าซาวด์ เลยเปลี่ยนเป็นอีกที่ ที่ใกล้บ้านกว่า และก็ติดกับโรงพยาบาลที่เราจะคลอดด้วย
ถึงแม้จะมีอาการไม่ค่อยดี แต่เราก็ค่อนข้างร่าเริง ด้วยความที่อยากให้ถึงวันนี้เร็ว ๆ ตื่นเต้น จะได้เห็นซะทีว่าลูกเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และก็ตื่นเต้นเรื่องผลตรวจน้ำตาลด้วย

ไปถึงออฟฟิศก่อนเวลาเล็กน้อย ก็ไปติดต่อ แล้วก็ได้เอกสารมากรอกนิดหน่อย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้ กลูโคล่า (เป็นเครื่องดื่มกลูโคส ที่ว่าที่คุณแม่จะต้องดื่มก่อนตรวจน้ำตาล) เราก็เอามาดื่ม (รสชาติไม่แบ๊ดเหมือนที่ใคร ๆ ว่าเลย แอบบาดคอเล็ก ๆ แต่โอเคค่ะ) และดื่มหมดภายในเวลา 7 นาทีโดยประมาณ (เครื่องดื่มกลูโคสนี่ต้องดื่มให้หมดภายในเวลา 5-10 นาที) จากนั้นเราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ แล้วก็นั่งรอต่อไป อีกไม่ถึง 20 นาทีต่อมา ก็มีเจ้าหน้าที่มาเรียกเข้าห้อง เราสองคนก็ไป

พอถึง เจ้าหน้าที่คนเดิม ก็บอกให้เราไปเก็บฉี่ เหมือนทุกครั้งที่ไปพบหมอ ก็จะต้องเก็บฉี่เพื่อตรวจนู่นนี่ จากนั้นเราก็กลับมารอหมอในห้องตามเดิม ผ่านไปสิบนาที ก็ยังไม่เห็นหมอเดินมา แต่เราก็ไม่ซีเรียส นั่งคุยกับจิมไปปกติ ในใจก็จดจ่ออยู่กับเรื่อง จะได้อัลตร้าซาวด์ และเวลาก็ผ่านไปอีกสิบนาทีได้ เจ้าหน้าที่ก็เดินมาวัดความดัน แล้วก็บอกว่า alittle bit high but don't worry its just because of glucose เราก็ไม่ได้อะไร

จากนั้นจิมก็บอกเจ้าหน้าที่ว่า วันนี้หมอจะทำอัลตร้าซาวด์อีกรอบให้เราใช่มั้ย เค้าก็อ้าวเหรอ ๆ แล้วก็เดินออกไปถามหมอ คุณหมอก็เดินตาลีตาเหลือกเข้ามา ถามว่า วันนี้เรามีนัดทำอัลตร้าซาวด์กันเหรอ เราก็บอกใช่ หมอเป็นคนบอกเอง หมอบอกจำได้ แต่ว่าแค่ดูเพศเบบี้ไม่ใช่เหรอ เราก็อืม ใช่ เค้าก็เลยบอกว่า ก็นั่นน่ะสิ แค่ดูเพศเบบี้ ไม่จำเป็นต้องทำฟูลอัลตร้าซาวด์ จากนั้น หมอออกไปเตรียมอะไรซักอย่าง แล้วกลับมาพร้อม กับเครื่องอัลตร้าซาวด์ แต่ ณ เวลานั้นเราบอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่ารู้สึกยังไง แต่ดูเหมือนหมอไม่ค่อยอยากทำให้ หรือว่าแกรีบยังไงก็ไม่รู้ เสร็จแล้วหมอก็ดึงที่รองขาออก แล้วให้เราเอนนอนบนเตียง เพราะจะทำอัลตร้าซาวด์ให้ แล้วเราสองคนก็ได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง ตาเราก็จ้องหน้าจอตลอด ฟังหมอบรรยายไปด้วย ว่าอะไรอยู่ตรงไหน แต่ข่าวดีคือ ตอนนี้เบบี้กลับหัวเรียบร้อยแล้ว ขามาอยู่ใต้เสื้อในเราเลยล่ะ หัวก็อยู่ในที่ที่ควรอยู่ แต่ข่าวร้ายคือ ไม่สามารถเห็นเพศของลูกได้เหมือนเดิม คือท่าที่เค้านอนเนี่ย ทำให้มองไม่เห็นเพศ แต่ที่ทำให้เราเศร้าไปกว่านั้น คืออย่างที่บอกว่า ดูเหมือนหมอรีบ ๆ ทำให้เสร็จตั้งแต่แรกน่ะ เพียงแค่ไม่ถึงห้านาที หมอก็บอกว่า sorry guys, we can't find out เรารู้สึกว่า หมอยังไม่พยายามอะไรเลย แค่กลิ้ง ๆ ไอ้เครื่องมือไปมาไม่นาน หมอก็หยุดแล้ว

เราสองคนก็เศร้าไปตามระเบียบ โดยเฉพาะเรา ไม่อยากจะคุยอะไรอีกเลย จากนั้น หมอก็มาวัดหน้าท้อง ว่าขนาดปกติมั้ย เสร็จแล้วก็ถามว่า is everything ok? any question? อะไรทำนองเนียะ เราก็ตั้งใจจะบันทึกว่า ตอนนี้ลูกเราน้ำหนักเท่าไร กว้างยาวเท่าไรแล้ว ก็เลยถามหมอ แต่คำตอบที่ได้มาคือ Oh! don't worry everything is fine!!! เราก็อ้าว แล้วก็มองหน้าจิม หมอเลยบอกว่า ur baby is in perfect size อะไรทำนองนั้น แล้วก็ปิดการสนทนา เรายังอ้าปากค้างอยู่เลย คือมีคำถามอยากจะถามอีกเยอะแยะ เลยไม่ได้ถาม แต่ก็มาคิดเองว่าทำไมหมอเค้ารีบอะไรนักหนา เราเสียเงินมา ให้เวลาเราแค่นี้เองเหรอ เราถามอะไรก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ พอออกมาจากห้องหมอ หมอก็บอกเพิ่มเติมว่า เราต้องกลับไปเทคยาตัวเดิมนะ (antibiotic ตัวเดิม ที่เรากินแล้วทำอะไรไม่ได้เลยน่ะค่ะ หมอให้เหตุผลว่า ตัวที่เปลี่ยนให้ ยูเทคแล้ว ยังมีอินเฟคอยู่ เลยต้องกินตัวนั้น) โอ้ย ๆ เลยกลายเป็นดีเพรสไปใหญ่เลย แต่ก็ต้องทำ เพราะหมอสั่ง พอเสร็จก็กลับบ้าน

พอเดินออกจากออฟฟิศหมอ เราเริ่มพูดเลยว่า เราไม่แฮปปี้มาก ๆ กับการเร่งรีบของหมอวันนี้ จิมก็เห็นด้วย แล้วก็บ่นกันมาตลอดทางในรถ ว่าทำไมหมอแย่อย่างนี้วันนี้ เราไม่เคยรู้สึกคอมฟอร์ทเทเบิลกับหมอคนนี้เลยตั้งแต่วันแรกที่ไปหา รู้สึกตลอดว่า เค้าเหมือนรีบ ๆ ตลอด แต่เหตุการณ์วันนี้ เราถือว่าแย่ที่สุด :( จิมคงเห็นว่าเราดีเพรสสุด ๆ เลย พาไปดินเนอร์ที่ cheese cake factory เราไม่ได้กินอะไรมาก สั่งแค่แอพฯ ไปสองอย่าง (นี่คือไม่ได้กินมากนะ ฮา ๆๆๆ) แต่ก็กินไม่หมดนั่นแหละ ต้องแพ็คกลับมาบ้านด้วย แล้วก็ต่อด้วย white chocolate rasberry truffle มากินต่อในรถหนึ่งชิ้น เป็นอันดีขึ้นหน่อยนึง

ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผลน้ำตาลเป็นยังไง เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้ามีปัญหาอะไร จะติดต่อมา แต่ก็ไม่เห็นติดต่อกลับมา เลยเดาว่าปกติ หรือผลอาจจะยังไม่ออก? ก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้แต่ภาวนาให้เป็นปกติทุกอย่าง ส่วนเรื่องเพศของลูกนี่ ก็คงจะได้ลุ้นไปยันคลอดเลยล่ะนะคะ ไม่ซีเรียสแล้ว ส่วนเรื่องหมอนี่ เด๋ววันนี้จะคุยกับจิม ว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนยังไง เล่าให้เพื่อนร่วมงานคนที่ท้องเหมือนกัน เค้าก็ให้เบอร์หมอของเค้ามา เจ้านายก็ให้กำลังใจว่า หมออาจจะเจอรัฟเดย์มาทั้งวัน เราก็อ้าว แต่ก็ไม่ควรที่จะมาทำอย่างนี้กับเราซึ่งเป็นคนไข้ของเค้านี่นา เห้อ แล้วยังไง จะมาอัพเดทเพิ่มเติมละกันค่ะ

ไอ้อ๋วน (อึดอัด)

ไอ้อ๋วน (อึดอัด)

กาก้า (ชูก้าร์)

กาก้า (ชูก้าร์)

น้องเน่ (เนเน่ หรืออีกนิคเนม คืออิแรด)

น้องเน่ (เนเน่ หรืออีกนิคเนม คืออิแรด)

น้องโง (โงกุล)

น้องโง (โงกุล)

ไอ้ส้วม (ส้มหล่น)

ไอ้ส้วม (ส้มหล่น)

หมูม่อน

หมูม่อน

ขอให้รักเรานั้นนิรันดร (เสี่ยวไปมั้ย?)

ขอให้รักเรานั้นนิรันดร (เสี่ยวไปมั้ย?)

About Me

สาวไทยจำใจจากจรเมืองฟ้าอมรมาอยู่บ้านดอนโอไฮโอ